ความมั่งคั่งของผู้บริหารบริษัทไบแนนซ์ โฮลดิงส์ และคอยน์เบส โกลบอล ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีรายใหญ่ที่สุดของโลกและใหญ่ที่สุดในสหรัฐตามลำดับนั้น ได้ลดลงอย่างมาก หลังจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) ของสหรัฐยื่นฟ้องดำเนินคดีทั้ง 2 บริษัท ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวได้บั่นทอนความหวังที่ว่า ตลาดคริปโทฯ จะกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้ง หลังจากเผชิญภาวะ "ฤดูหนาวคริปโทฯ" (crypto winter) ในปี 2565
เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา SEC ได้ยื่นฟ้องต่อศาลในกรุงวอชิงตันดีซีให้ดำเนินคดีกับบริษัทไบแนนซ์ และนายจ้าว ฉางเผิง ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของไบแนนซ์ เนื่องจากบริษัทไม่ได้ดำเนินการอย่างเหมาะสมเพื่อสกัดกั้นลูกค้าชาวสหรัฐในการเข้าใช้แพลตฟอร์ม และทำให้นักลงทุนเข้าใจผิดเกี่ยวกับการเฝ้าติดตามตลาด ตลอดจนการดำเนินการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียน นอกจากนี้ ไบแนนซ์และนายจ้าวได้เข้าควบคุมสินทรัพย์ของลูกค้าอย่างลับ ๆ ด้วยการโยกเงินของลูกค้า และสร้างบริษัทในสหรัฐขึ้นอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นความพยายามที่จะทำให้เกิดความซับซ้อนและหลีกเลี่ยงกฎหมายหลักทรัพย์ของรัฐบาลกลางสหรัฐ
ต่อมาในวันที่ 6 มิ.ย. SEC ได้ยื่นฟ้องต่อศาลกรุงนิวยอร์กเพื่อให้ดำเนินคดีบริษัทคอยน์เบส โดยระบุว่าคอยน์เบสได้ดำเนินธุรกิจโบรกเกอร์และแพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลโดยไม่ได้รับอนุญาต และเรียกร้องให้ศาลมีคำสั่งให้คอยน์เบสยุติการให้บริการดังกล่าวเป็นการถาวร
ทั้งนี้ ดัชนี Bloomberg Billionaires Index ซึ่งจัดทำโดยสำนักข่าวบลูมเบิร์กระบุว่า ความมั่งคั่งของนายจ้าว ฉางเผิง ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของไบแนนซ์ ลดลง 1.4 พันล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 2.6 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ขณะที่ดัชนีความมั่งคั่งของนายไบรอัน อาร์มสตรอง ซีอีโอของคอยน์เบส ลดลง 361 ล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 2.2 พันล้านดอลลาร์
ข่าวคอยน์เบสถูก SEC ฟ้องดำเนินคดีส่งผลให้ราคาหุ้นคอยน์เบสร่วงลงรุนแรงถึง 12% ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อวานนี้ (6 มิ.ย.) และได้ฉุดราคาหุ้นของบริษัทอื่น ๆ ในกลุ่มธุรกิจบล็อกเชนร่วงลงด้วย