นายอเล็กซ์ คาร์ป ซีอีโอของพาลันเทียร์ (Palantir) บริษัทซอฟต์แวร์ของสหรัฐ คัดค้านข้อเรียกร้องให้ระงับการวิจัยด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งสวนทางกับข้อเรียกร้องในจดหมายเปิดผนึกของสถาบัน Future of Life Institute ที่เสนอให้มีการระงับการพัฒนา AI โดยบรรดาผู้นำด้านเทคโนโลยีแถวหน้าต่างพร้อมใจกันลงนามสนับสนุนข้อเรียกร้องในจดหมายเปิดผนึกฉบับดังกล่าว
ทั้งนี้ จดหมายเปิดผนึกฉบับดังกล่าวได้เรียกร้องให้ระงับการวิจัยโมเดล AI ที่ล้ำหน้ากว่า GPT-4 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการขับเคลื่อนเครื่องมือต่าง ๆ เช่น แชตจีพีที (ChatGPT) โดยมีผู้ลงนามสนับสนุนข้อเรียกร้องดังกล่าวกว่า 31,000 คน เช่น นายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเทสลาและนายสตีฟ วอซเนียก ผู้ร่วมก่อตั้งแอปเปิ้ล
นอกจากนี้ จดหมายเปิดผนึกฉบับดังกล่าวระบุด้วยว่า "หากไม่สามารถระงับการวิจัยได้โดยเร็ว รัฐบาลของประเทศต่าง ๆ ก็ควรยื่นมือเข้ามา เพื่อสั่งระงับการวิจัย AI"
ในการให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุบีบีซีเมื่อวันพฤหัสบดี (8 มิ.ย.) นายคาร์ประบุว่า "ผู้คนจำนวนมากเรียกร้องให้มีการระงับการพัฒนา AI ก็เพราะว่าพวกเขายังไม่มีผลิตภัณฑ์"
นายคาร์ประบุด้วยว่า "คนพวกนี้เรียกร้องให้ระงับการพัฒนา AI เพราะไม่มีผลิตภัณฑ์ที่จะให้บริการและอยากศึกษา AI แต่การระงับการพัฒนา AI จะทำให้เกิดการขโมยผลงานทั้งในเชิงพาณิชย์และทางทหาร" โดยนายคาร์ปกล่าวโดยไม่ได้เอ่ยชื่อใครแบบเฉพาะเจาะจง
นอกจากนี้ นายคาร์ปกล่าวอีกว่า สำหรับเขาแล้ว การศึกษา AI เสร็จแล้วปล่อยให้คนอื่นมาแย่งชิงผลงานทั้งในเชิงพาณิชย์และทางทหารนั้นถือเป็นกลยุทธ์ที่เลวร้าย
เมื่อถูกถามว่าต้องการให้การแข่งขันด้าน AI เป็นหมือนการแข่งขันด้านอาวุธในช่วงสงครามเย็นหรือไม่ นายคาร์ปตอบว่า "ปัจจุบันก็มีการชิงชัยกันในเรื่องอาวุธ AI อยู่แล้ว เราเพียงแค่เป็นฝ่ายที่นำอยู่ และไม่ใช่ว่าเราชะลอความเร็วแล้วการแข่งขัน AI จะสิ้นสุดลง"