บริษัทอังกฤษตกลงขึ้นค่าจ้างเฉลี่ย 5.6% ในช่วงเดือนก.พ. ? เม.ย. ซึ่งสะท้อนถึงดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อ ที่อยู่ในระดับสูง และการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำครั้งใหญ่ ซึ่งสร้างแรงกดดันเพิ่มเติมให้กับธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยข้อมูลรายได้ (IDR) เปิดเผยว่า บริษัทรายใหญ่ของอังกฤษขึ้นค่าจ้างเฉลี่ย 5.6% ในเดือนก.พ. ? เม.ย. ซึ่งเป็นการปรับขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2548 และเพิ่มขึ้นจาก 5% ในช่วงเดือนม.ค.-มี.ค.
รายงานระบุว่า ค่าจ้างเฉลี่ยสำหรับพนักงานภาคเอกชนเพิ่มขึ้น 5.8% ในเดือนก.พ. ? เม.ย. ขณะที่ ค่าจ้างเฉลี่ยสำหรับพนักงานภาครัฐอยู่ที่ 5%
นางโซอี้ วูลาคอตต์ นักวิจัยอาวุโสของ IDR ระบุว่า ตลาดแรงงานของอังกฤษยังคงอยู่ในภาวะตึงตัว แม้ดัชนี CPI ชะลอตัวลงสู่ 8.7% ในเดือนเม.ย.
นางวูลาคอตต์ระบุว่า ดัชนีค่าจ้างเฉลี่ยของ IDR ทั้งสำหรับพนักงานภาคเอกชนและภาครัฐนั้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากเดิมที่เฉลี่ยเหนือ 4% ในเดือนเม.ย.ปีที่แล้ว เนื่องจากค่าครองชีพและเงินเฟ้อพุ่งทะยานขึ้น
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เดือนเม.ย.ถือเป็นเดือนสำคัญสำหรับข้อตกลงค่าจ้างระหว่างนายจ้างและพนักงาน และมีขึ้นในช่วงที่พนักงานภาครัฐจำนวนมากเริ่มเคลื่อนไหวประท้วง เพื่อเรียกร้องให้ขึ้นค่าจ้าง
ค่าจ้างสำหรับการครองชีพทั่วประเทศ (The National Living Wage) ซึ่งเป็นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ถูกปรับขึ้น 9.7% ณ ช่วงต้นเดือนเม.ย. สู่ 10.42 ปอนด์ (13.10 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่อชั่วโมง แต่ค่าจ้างขั้นต่ำดังกล่าวไม่ครอบคลุมผู้ฝึกงานและพนักงานที่อายุต่ำกว่า 23 ปี