สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานในวันอาทิตย์ (11 มิ.ย.) ว่า ผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เตรียมที่จะยุติวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรก หลังจากเริ่มปรับขึ้นเมื่อ 15 เดือนที่แล้ว ท่ามกลางการเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัว และอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง
คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ช่วง 5 - 5.25% ในวันพุธหน้า (14 มิ.ย.) ซึ่งเป็นการยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรก หลังจากเพิ่มขึ้น 10 ครั้งติดต่อกัน นับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2565 ซึ่งแม้ว่าความพยายามนี้จะช่วยลดแรงดันด้านราคาในเศรษฐกิจ แต่อัตราเงินเฟ้อยังสูงกว่าระดับเป้าหมาย
สำหรับความสนใจของนักลงทุนจะอยู่ที่ผลสำรวจความเห็นจากคณะกรรมการบริหารและผู้แทนของเฟดในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (dot plot)
อย่างไรก็ดี ตลาดก็กำลังชั่งน้ำหนักถึงความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนก.ค. ตามด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระดับที่ใกล้เคียงกันในเดือนธ.ค. ขณะที่ผู้กำหนดนโยบายบางส่วนของเฟดเน้นย้ำกว่าการยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ ไม่ควรถูกตีความว่าจะเป็นการยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งสุดท้าย
นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ซึ่งจะกล่าวถ้อยแถลงหลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายในสัปดาห์หน้า เคยกล่าวว่า เขาเห็นชอบกับการยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อประเมินผลกระทบที่มีต่อภาวะสินเชื่อและภาพรวมของเศรษฐกิจ จากการปรับขึ้นดอกเบี้ยในหลายครั้งที่ผ่านมา และการล่มสลายของธนาคารหลายแห่งเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งความเห็นของนายพาวเวล จะถูกพิจารณาเพื่อประเมินแนวทางแผนการของคณะกรรมการในการประชุมครั้งต่อไปในเดือนหน้า
รายงานระบุว่า ในทางตรงกันข้าม ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยนักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยติดต่อกัน 2 ไตรมาส และจะปรับสูงขึ้นอีกในเดือนก.ค. ขณะนี้ความสนใจมุ่งเน้นไปที่การคาดการณ์รายไตรมาสและคำบอกใบ้ถึงโอกาสความเป็นไปได้ที่เกิดขึ้นในการประชุมอีกครั้งในเดือนก.ย.