ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ระบุว่า ความเคลื่อนไหวล่าสุดของ AMD นับเป็นการท้าชนครั้งใหญ่ที่สุดกับอินวิเดีย (Nvidia) ซึ่งเป็นบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกจากสหรัฐ โดยปัจจุบันอินวิเดียเป็นเจ้าตลาดสำหรับชิป AI เนื่องจากมีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 80%
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า GPU นั้นเป็นชิปที่บริษัทอย่างโอเพนเอไอ (OpenAI) ใช้ เพื่อสร้างโปรแกรม AI ที่ล้ำสมัย เช่น แชตจีพีที (ChatGPT)
หากกลุ่มนักพัฒนาและผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์ยอมรับชิป AI ของ AMD ว่าสามารถแทนที่ผลิตภัณฑ์ของอินวิเดีย ก็จะถือเป็นการเจาะกลุ่มตลาดใหม่ครั้งสำคัญสำหรับ AMD ซึ่งมีชื่อเสียงด้านหน่วยประมวลผลกลางสำหรับคอมพิวเตอร์รุ่นดั้งเดิม
นางลิซ่า ซู ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AMD กล่าวกับกลุ่มนักลงทุนและนักวิเคราะห์ในเมืองซานฟรานซิสโกเมื่อวานนี้ว่า AI เป็น "โอกาสใหญ่ที่สุดในการเติบโตเชิงกลยุทธ์ในระยะยาว" ของบริษัท
"เราคาดการณ์ว่าตลาดศูนย์ข้อมูล AI จะเติบโตจาก 3 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีนี้ที่อัตราการเติบโตรายปีกว่า 50% สู่ระดับกว่า 1.5 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2570" นางซูกล่าว
แม้ AMD ไม่ได้เปิดเผยราคา GPU สำหรับ AI แต่ความเคลื่อนไหวครั้งนี้อาจกดดันราคา GPU ของอินวิเดีย เช่น GPU รุ่น H100 ที่อาจมีราคาสูงถึง 30,000 ดอลลาร์ขึ้นไป โดยราคา GPU ที่ลดลงอาจช่วยลดต้นทุนที่มีราคาแพงในการให้บริการด้าน Generative AI
ปัจจุบัน ชิป AI อยู่ในความสนใจของแวดวงอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ขณะที่ยอดขาย PC ตกต่ำลง โดย PC นั้นเป็นปัจจัยขับเคลื่อนยอดขายชิปเซมิคอนดักเตอร์หน่วยประมวลผลกลางดั้งเดิม
อย่างไรก็ตาม หุ้นอินวิเดียพุ่งทะยานขึ้น 3.9% ทำให้กลายเป็นบริษัทผลิตชิปรายแรกที่ปิดตลาดโดยมีมูลค่าตลาดสูงกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ หลังจากที่ AMD เปิดเผยกลยุทธ์ AI แต่กลับประสบความล้มเหลวในการเรียกความประทับใจจากกลุ่มนักลงทุน และหุ้น AMD ร่วงลง 3.6%