มอร์แกน สแตนลีย์ระบุว่า เศรษฐกิจของทวีปเอเชียมีแนวโน้มที่จะขยายตัวแซงหน้าเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปภายในสิ้นปีนี้ เนื่องจากทวีปเอเชียไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากภาวะตื่นตระหนกของอัตราดอกเบี้ย
"ภายในไตรมาส 4 ของปีนี้ เราคิดว่าเศรษฐกิจของเอเชียจะขยายตัวแซงหน้าสหรัฐและยุโรปประมาณ 4.5%" นายเชทาน อาห์ยา หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์เอเชียของมอร์แกน สแตนลีย์กล่าวเมื่อวันอังคาร (14 มิ.ย.) เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อประจำเดือนพ.ค.
นายอาห์ยามีมุมมองเชิงบวกว่า เอเชียจะมีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งกว่าตะวันตก นอกเหนือไปจากนั้น เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวแบบเป็นวงกว้างในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ขณะที่อุปสงค์ภายในประเทศของอินเดีย อินโดนีเซีย และญี่ปุ่นก็มีแนวโน้มแข็งแกร่ง โดยทั้ง 3 ประเทศเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ในเอเชีย
"เราคาดการณ์ว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐและยุโรปจะถูกบั่นทอนจากปัญหาเงินเฟ้อ" นายอาห์ยากล่าว พร้อมระบุว่า ธนาคารกลางต่าง ๆ ในตลาดเหล่านี้คุมเข้มนโยบายการเงินในเชิงรุก เพื่อฉุดเงินเฟ้อให้กลับมาอยู่ภายใต้การควบคุม
"เอเชียไม่มีภาวะตื่นตระหนกจากอัตราดอกเบี้ยอย่างที่สหรัฐและยุโรปเผชิญ" นายอาห์ยากล่าว พร้อมระบุเสริมว่า เงินเฟ้อของเอเชียนั้นเพิ่มขึ้นไม่ถึงครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับเงินเฟ้อของสหรัฐและยุโรป
"ปัญหาเงินเฟ้อของเอเชียไม่รุนแรงนัก และเราคิดว่าเงินเฟ้อของเอเชียแตะจุดสูงสุดแล้ว" นายอาห์ยากล่าว พร้อมระบุเสริมว่า "ในช่วงเดือนก.ย. หรือต.ค. 80% ของประเทศในเอเชียจะมีเงินเฟ้อที่ลดลงสู่เป้าหมายของธนาคารกลาง"
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า อัตราเงินเฟ้อสหรัฐเคลื่อนไหวสูงเหนือเป้าหมายรายปี 2% ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อย่างมาก