ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% ในวันนี้ (15 มิ.ย.) พร้อมยืนยันว่า การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายในอนาคตนั้นจะขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจเป็นสำคัญ ขณะที่ไม่มีความแน่นอนเกี่ยวกับแนวโน้มเงินเฟ้อและการเติบโตทางเศรษฐกิจ
"ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง ตลาดพลังงานที่ผ่อนคลายลงอย่างมาก และการลดลงครั้งใหญ่แบบไม่คาดหมายของเงินเฟ้อเมื่อเร็ว ๆ นี้ ถือเป็นเหตุผลที่จะทำให้ ECB ยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็วกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้" นางฟริตซี โคห์เลอร์-กาอิบ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำธนาคาร KfW ของเยอรมนีระบุ
"อย่างไรก็ตาม แรงกดดันด้านค่าจ้างที่เพิ่มสูงขึ้น และการคาดการณ์เงินเฟ้อที่ลดลงแต่ยังคงอยู่ในระดับสูงนั้น ทำให้ต้องระมัดระวัง"
ข้อมูลเงินเฟ้อเมื่อเร็ว ๆ นี้แสดงให้เห็นว่า เงินเฟ้อเริ่มลดลง แต่การปรับตัวขึ้นของดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ยังคงสูงเกินไป โดย CPI ทั่วไปที่ระดับ 6.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี และดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ที่ระดับ 5.3% เมื่อเทียบเป็นรายปีบ่งชี้ว่า เงินเฟ้อยังคงสูงเกินไปในเยอรมนี ขณะเดียวกันแรงกดดันค่าจ้างยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยทั้งหมดนี้ทำให้การคาดการณ์ดอกเบี้ยครั้งล่าสุดจาก ECB เป็นสิ่งสำคัญ โดยการคาดการณ์ดังกล่าวจะเผยแพร่พร้อมการตัดสินใจด้านอัตราดอกเบี้ยนโยบายในวันนี้ (15 มิ.ย.)
"อัตราดอกเบี้ยนโยบายสุดท้ายของ ECB มีแนวโน้มที่จะขยับขึ้นสู่ 3.75%" นายมาร์ก วอลล์ ผู้สังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวของ ECB จากดอยซ์แบงก์ระบุ โดยปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ECB อยู่ที่ 3.25%