กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ (16 มิ.ย.) ว่า สหรัฐไม่พบว่ามีคู่ค้ารายใหญ่ใด ๆ ที่ทำการปั่นค่าเงินเพื่อให้เกิดความได้เปรียบในด้านการส่งออก และสหรัฐยังได้ยุติการตรวจสอบเชิงลึกเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติด้านสกุลเงินของสวิตเซอร์แลนด์แล้ว เนื่องจากสวิตเซอร์แลนด์สามารถผ่าน 1 ใน 3 เกณฑ์เกี่ยวกับการปั่นค่าเงิน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ในรายงานด้านสกุลเงินรอบครึ่งปีนั้น กระทรวงการคลังสหรัฐระบุว่า สวิตเซอร์แลนด์ยังคงอยู่ใน "รายชื่อประเทศที่ต้องจับตา" อย่างใกล้ชิดในด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและนโยบายเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับประเทศคู่ค้าอีก 6 รายได้แก่ จีน ไต้หวัน เกาหลีใต้ เยอรมนี มาเลเซีย และสิงคโปร์
รายงานดังกล่าวครอบคลุมถึงกิจกรรมด้านการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศสำหรับ 4 ไตรมาสที่สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2565 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเป็นพิเศษ ซึ่งทำให้หลายประเทศต้องเข้าแทรกแซงตลาดเพื่อป้องกันไม่ให้สกุลเงินของตนร่วงลง และเป็นความพยายามที่จะสกัดกั้นเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังสหรัฐมีความวิตกว่า จะมีการจงใจทำให้สกุลเงินอ่อนค่าลงเพื่อความได้เปรียบทางการค้า
นางเจเน็ต เยลเลน รมว.คลังสหรัฐระบุในแถลงการณ์ว่า "การแทรกแซงอัตราแลกเปลี่ยนส่วนใหญ่โดยคู่ค้าของสหรัฐในปีที่แล้วนั้นอยู่ในรูปแบบของการขายเงินดอลลาร์ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับสกุลเงินของพวกเขา"
"อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังยังคงเฝ้าระวังการปฏิบัติด้านสกุลเงินและการกำหนดนโยบายของประเทศต่าง ๆ รวมถึงความสอดคล้องกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่แข็งแกร่งอย่างยั่งยืนและสมดุล" นางเยลเลนกล่าว
ในรายงานครั้งก่อนในเดือนพ.ย. 2565 นั้น กระทรวงการคลังสหรัฐพบว่า สวิตเซอร์แลนด์อยู่ในระดับที่เกินเกณฑ์ทั้งสามข้อสำหรับความเป็นไปได้ในการปั่นค่าเงิน แต่สหรัฐก็ไม่ได้ประกาศว่าสวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศที่ทำการปั่นค่าเงินแต่อย่างใด
ญี่ปุ่นได้ถูกถอดออกจากประเทศที่ถูกจับตา เนื่องจากสามารถดำเนินการตามเกณฑ์ 1 ใน 3 ข้อได้ในระยะเวลาของการถูกจับตา 2 ช่วงติดต่อกัน
ส่วนจีนนั้นยังคงอยู่ในรายชื่อประเทศที่ถูกจับตา เนื่องจากมียอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐ 4 แสนล้านดอลลาร์, ยังคงขาดความโปร่งใสในการจัดการด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และไม่ยอมเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการแทรกแซงสกุลเงิน
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังสหรัฐกล่าวว่า ทางกระทรวงไม่เชื่อว่า จีนได้ทำการแทรกแซงตลาดอย่างมากเพื่อทำให้เงินหยวนอ่อนค่าลงในปีที่แล้ว