อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีชาวสหรัฐและเจ้าของบริษัทเทสลา อิงค์กล่าวว่า แผนการของประธานาธิบดีโจ ไบเดนที่จะเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมจากเหล่ามหาเศรษฐีนั้นจะยิ่งส่งผลกระทบต่อกลุ่มผู้มีรายได้ต่ำ-ปานกลาง
นายมัสก์ระบุในทวิตเตอร์ว่า "ผมเห็นด้วยว่า เราควรทำให้แผนการเลี่ยงภาษีอันแยบยลกลายเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย แต่การทำเช่นนั้นจะทำให้บรรดาผู้บริจาคจำนวนมากไม่พอใจ ดังนั้นผมจึงมองว่า เราจะได้ยินเพียงแค่คำพูด แต่จะไม่เห็นการดำเนินการใด ๆ ทั้งสิ้น" และระบุเสริมว่า "ผู้ที่จะต้องแบกรับผลกระทบจากการใช้จ่ายเกินดุลของรัฐบาลคือ กลุ่มผู้ที่มีรายได้ต่ำจนถึงปานกลาง เนื่องจากพวกเขาไม่อาจหลีกเลี่ยงการเสียภาษีได้"
ทั้งนี้ ทวีตข้อความของนายมัสก์มีขึ้นเพื่อตอบโต้คำกล่าวของปธน.ไบเดนที่ระบุว่า "มันถึงเวลาแล้วที่บรรดามหาเศรษฐีจะเริ่มจ่ายภาษีในสัดส่วนที่เหมาะสม"
ระหว่างการหาเสียงของปธน.ไบเดนในฟิลาเดลเฟียเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (17 มิ.ย.) ปธน.ไบเดนได้ขอเสียงสนับสนุนการร่วมศึกเลือกตั้งครั้งใหม่จากพนักงานของสหภาพแรงงาน พร้อมเรียกร้องให้มีการจัดเก็บภาษีในอัตราใหม่จากบรรดาคนร่ำรวยและบริษัทต่าง ๆ
ปธน.ไบเดนระบุว่า ในขณะที่จำนวนมหาเศรษฐีในสหรัฐเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 1,000 คน พวกเขาเสียภาษีเพียงประมาณ 8% ของรายได้เท่านั้น โดยกล่าวว่า "พวกเขาเสียภาษีในอัตราที่ต่ำกว่าครูในโรงเรียน ต่ำกว่าพนักงานดับเพลิง และอาจจะต่ำกว่าใครหลายคนในห้องนี้เสียอีก มันถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะต้องเสียภาษีขั้นต่ำ ผมไม่สนว่าพวกเขาจะเป็นมหาเศรษฐีหรืออะไรก็ตาม แต่ได้เวลาจ่ายภาษีอย่างยุติธรรมแล้วพวก"