ราคาหุ้นอินเทล ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐ ดิ่งลง 6% ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กในวันพุธ (21 มิ.ย.) แม้ว่าบริษัทเปิดเผยแผนล่าสุดในการก้าวขึ้นมาเป็นผู้ผลิตชิปที่จะท้าชนกับไต้หวัน ซิมคอนดักเตอร์ เมนูแฟคเจอริง คอมพานี (TSMC) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของไต้หวัน
นายเดวิด ซินส์เนอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินของอินเทลกล่าวว่า บริษัทจะปรับเปลี่ยนแนวทางการรายงานผลประกอบการในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งจะเปิดทางให้บริษัทสามารถเปิดเผยอัตราผลกำไรจากการผลิต นอกจากนี้โครงสร้างการรายงานผลประกอบการแบบใหม่จะช่วยให้บริษัทสามารถควบคุมต้นทุน โดยขณะนี้บริษัทมีแผนที่จะปรับลดต้นทุนลงจำนวนมากถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วง 3 ปีข้างหน้า
การปรับแนวทางดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่นักลงทุนยังคงประเมินแผนการพลิกฟื้นธุรกิจภายใต้การบริหารของนายแพท เกลซิงเกอร์ ซีอีโอของอินเทล ซึ่งการพลิกฟื้นกิจการนั้นขึ้นอยู่กับว่าอินเทลจะสามารถไล่ตามเทคโนโลยีด้านการผลิตชิปของ TSMC ได้ทันภายในปี 2569 หรือไม่ โดยอินเทลวางแผนที่จะใช้ชิปที่บริษัทผลิตขึ้นเองเพื่อแก้ปัญหาด้านการผลิต ก่อนที่จะเปิดโรงงานให้กับบรรดาบริษัทที่เป็นบุคคลที่ 3 ( third-party companies)
หากอินเทลสามารถไล่ตามเทคโนโลยีของ TSMC ได้ทัน ทางบริษัทก็จะสามารถคว้าสัญญาเพื่อสร้างชิปคุณภาพสูงจากบริษัทหลายแห่ง เช่น แอปเปิ้ล, อินวิเดีย และควอลคอม ซึ่งบริษัทเหล่านี้ไม่มีการผลิตชิปของตัวเองและปัจจุบันเลือกใช้ชิปที่ผลิตโดย TSMC หรือซัมซุง
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ที่ร่วมฟังคำแถลงของอินเทลได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) ของอินเทล และไม่มั่นใจว่าแผนการเหล่านี้จะช่วยให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นได้อย่างไร หลังจากที่ในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา อินเทลเปิดเผยอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 1 อยู่ที่ 38.4% ลดลง 51.3% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว