สำนักข่าวบลูกเบิร์กรายงานว่า ชาวสิงคโปร์นิยมรับประทานทุเรียนและด้วยอุปทานทุเรียนที่ล้นตลาดในปีนี้ ส่งผลให้ผู้บริโภคสามารถหาซื้อทุเรียนได้ในราคาต่ำสุดที่เพียงไม่กี่ดอลลาร์เท่านั้น
ทั้งนี้ ภาวะทุเรียนล้นตลาดของมาเลเซียซึ่งเป็นผู้ผลิตทุเรียนรายใหญ่ ทำให้ราคาทุเรียนในสิงคโปร์ลดลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
แม้ว่าอุปสงค์จะยังคงอยู่ในระดับสูง แต่ทุเรียนพรีเมี่ยมประเภทต่าง ๆ เช่น มูซานคิง กลับถูกนำออกวางจำหน่ายในราคาถูก โดยต่ำสุดอยู่ที่ 3 ดอลลาร์สิงคโปร์ (2.24 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่อกิโลกรัมในช่วงต้นเดือนนี้
"นี่เป็นทุเรียนที่มีราคาถูกที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมา" นายแซม ทัน กรรมการผู้จัดการบริษัท MAPC Sdn. Bhd ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ทุเรียนรายใหญ่จากมาเลเซียและประธานสมาคมผู้ส่งออกทุเรียนมาเลเซีย ซึ่งคร่ำหวอดในแวดวงทุเรียนมายาวนานถึง 12 ปี ระบุ พร้อมกล่าวเสริมว่า "ปกติแล้วทุเรียนมูซานคิงจะมีราคา 12?13 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อกิโลกรัม"
เกษตรกรในมาเลเซียซึ่งจัดหาทุเรียนให้กับสิงคโปร์กว่า 85% ได้เปลี่ยนจากการปลูกพืชดั้งเดิม เช่น น้ำมันปาล์มและยาง มาเป็นทุเรียนนับตั้งแต่ปี 2559 เนื่องจากราคาทุเรียนพุ่ง โดยต้องใช้เวลาอย่างน้อย 5?7 ปีต้นทุเรียนจึงจะออกผล ส่งผลให้ทุเรียนล้นตลาดในปีนี้
อีกปัจจัยที่กระทบต่อคุณภาพทุเรียนจนฉุดให้ราคาตกต่ำคือภาวะคลื่นความร้อนสูงเป็นประวัติการณ์ แต่นับเป็นข่าวดีสำหรับคนรักทุเรียนในสิงคโปร์ซึ่งนำเข้าทุเรียนจากมาเลเซียกว่า 100,000 กิโลกรัมต่อวันในช่วงสูงสุดของฤดูกาล
รายงานระบุว่า ไม่ใช่เพียงแค่มาเลเซียที่แห่ปลูกทุเรียน แต่เกษตรกรในไทยและเวียดนามก็เปลี่ยนจากการปลูกพืชดั้งเดิม เช่น ยางและกาแฟ มาเป็นทุเรียนเช่นเดียวกัน โดยมีเป้าหมายหลักเป็นตลาดจีน เนื่องจากทุเรียนกลายมาเป็นผลไม้นำเข้ายอดนิยมอันดับหนึ่งอย่างรวดเร็วในจีน