สำนักข่าวนิกเกอิเอเชียรายงานว่า จีนและสหรัฐเห็นพ้องต้องกันที่จะพิจารณาเพิ่มจำนวนเที่ยวบินพาณิชย์ระหว่างสองประเทศ โดยส่งเสริมให้นักเรียนนักศึกษา นักวิชาการ และนักธุรกิจเดินทางไปมาระหว่างสหรัฐและจีน
ทั้งนี้ สหรัฐและจีนบรรลุข้อตกลงดังกล่าวในระหว่างที่นายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเดินทางเยือนกรุงปักกิ่ง ในฐานะ 1 ใน 5 ฉันทามติระหว่างสองประเทศ โดยนางเหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนยืนยันเรื่องดังกล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันอังคารที่ 20 มิ.ย.
รายงานระบุว่า การเดินทางระหว่างประเทศทั้งขาไปและกลับจากจีนนั้นยังฟื้นตัวได้ไม่ดีนัก หลังจีนยกเลิกนโยบายควบคุมพรมแดนมาเกือบครึ่งปี โดยเที่ยวบินระหว่างจีนและสหรัฐฟื้นตัวล้าหลังเที่ยวบินระหว่างประเทศเส้นทางอื่น ๆ อย่างมาก
โนมูระรายงานว่า เที่ยวบินระหว่างสหรัฐและจีนฟื้นตัวขึ้นไม่ถึง 6% เมื่อเทียบกับระดับในปี 2562 โดยไฟลต์ มาสเตอร์ (Flight Master) ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันติดตามเที่ยวบินระบุว่า เที่ยวบินจากจีนที่เดินทางไปยังอเมริกาเหนือ เช่น สหรัฐและแคนาดา คิดเป็นสัดส่วนเพียง 1% ของเที่ยวบินระหว่างประเทศทั้งหมดในสัปดาห์วันที่ 12 ? 18 มิ.ย.
การฟื้นตัวที่เชื่องช้าของเที่ยวบินระหว่างประเทศบั่นทอนการดำเนินงานของสายการบินจีนอย่างต่อเนื่อง โดยสายการบินแอร์ ไชน่า (Air China), ไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์ (China Eastern Airlines) และไชน่า เซาเทิร์น แอร์ไลน์ (China Southern Airlines) ซึ่งเป็นสายการบินรายใหญ่ของรัฐบาลจีน เผชิญภาวะขาดทุนอย่างหนัก โดยขาดทุนรวมกัน 8.6 พันล้านหยวน (1.2 พันล้านดอลลาร์) ในไตรมาส 1/2566 หลังขาดทุนเกือบ 1.09 แสนล้านหยวนในปี 2565 โดยสายการบินทั้ง 3 แห่งเคยเป็นผู้ปฏิบัติการเที่ยวบินจีน-สหรัฐรายใหญ่ของจีนก่อนเกิดโรคโควิด-19 ระบาด