สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การขายกิจการดังกล่าวซึ่งคิดเป็นประมาณ 20% ของรายได้ในปีงบประมาณ 2566 นั้นเกิดขึ้นขณะที่ PwC เผชิญผลกระทบจากเรื่องอื้อฉาวครั้งใหญ่ในเดือนม.ค.เกี่ยวกับอดีตหุ้นส่วนด้านภาษีของ PwC
อดีตหุ้นส่วนดังกล่าวมีตำแหน่งที่ปรึกษารัฐบาลกลางเกี่ยวกับกฎหมายป้องกันไม่ให้บริษัทหลีกเลี่ยงภาษี ตำแหน่งนี้ทำให้เขาเข้าถึงข้อมูลลับของรัฐบาลได้ แต่แทนที่จะเก็บเป็นความลับ ผู้ก่อเหตุกลับแชร์ข้อมูลดังกล่าวกับเพื่อนร่วมงานหลายรายที่ PwC แล้วเพื่อนร่วมงานกลุ่มนี้นำข้อมูลลับของรัฐบาลไปใช้เสนองานให้กับบริษัทข้ามชาติหลายแห่ง
PwC กล่าวว่าบริษัทได้ทำข้อตกลงเพื่อขายกิจการด้านรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่น ให้กับอัลเลโกร ฟันด์ส แต่เพียงผู้เดียว หลังจากขายแล้วจะส่งผลให้เกิดการจัดตั้งบริษัทอิสระสองแห่ง โดย PwC รับรองว่าการให้บริการแก่ลูกค้าภาครัฐจะไม่มีการหยุดชะงัก
"ทั้งสองฝ่ายมีเป้าหมายที่จะลงนามในสัญญาที่มีผลผูกพันภายในสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้" PwC ระบุในแถลงการณ์บนเว็บไซต์
นายจัสติน แคร์โรลล์ ประธานคณะกรรมการ PwC ออสเตรเลีย กล่าวว่า "นี่เป็นการตัดสินใจที่ยากมาก แต่เรามุ่งมั่นที่จะดำเนินการตามขั้นตอนที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อปกป้องงานของพนักงานของเรา และฟื้นฟูความไว้วางใจจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของเราอีกครั้ง"
นอกจากนี้ นายเควิน เบอร์โรว์ส ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้นำฝ่ายลูกค้าและอุตสาหกรรมทั่วโลก จะกลายเป็นซีอีโอคนใหม่ โดยนางคริสติน สตับบินส์ จะยังคงรักษาการซีอีโอต่อไปจนกว่านายเบอร์โรว์จะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ