นายเดวิด โซโลมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของธนาคารโกลด์แมน แซคส์แสดงความเห็นว่า เศรษฐกิจอินเดียกำลังอยู่ในทิศทางการเติบโตที่สูงมาก โดยคาดว่าจะมีการขยายตัว 6-7% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า
นายโซโลมอนให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์อีโคโนมิค ไทม์สในวันนี้ (28 มิ.ย.) ว่า บรรดาซีอีโอทั่วโลกต่างก็มองว่า อินเดียมีโอกาสการเติบโตสูง ในขณะเดียวกันก็ประเมินความท้าทายเกี่ยวกับการลงทุนในอินเดีย
นอกจากนี้ นายโซโลมอนยังได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับภาพรวมของเศรษฐกิจโลก โดยกล่าวว่า ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจทั่วโลกโดยเฉพาะในสหรัฐ สามารถฟื้นตัวได้ดีกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้ แต่ขณะนี้เศรษฐกิจทั่วโลกอาจจะขยายตัวเพียง 0-1% และเงินเฟ้อจะอยู่ที่ 4% ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มเศรษฐกิจถดถอย
"มีสัญญาณบ่งชี้ที่ชัดเจนว่าเศรษฐกิจโลกกำลังชะลอตัวลง และเป็นเรื่องยากที่จะเห็นเงินเฟ้อของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 2% ในเร็ว ๆ นี้ ขณะเดียวกันก็มีปัจจัยใหญ่ที่จะก่อให้เกิดเงินเฟ้อเป็นวงกว้าง เช่น ปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์, การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน และการปรับเปลี่ยนของห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นอุปสรรคต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ" นายโซโลมอนกล่าว
หลังจากเกิดวิกฤตการณ์ในภาคธนาคารระดับภูมิภาคของสหรัฐในเดือนมี.ค. หน่วยงานกำกับดูแลของรัฐบาลกลางสหรัฐ และกระทรวงการคลังสหรัฐ ได้แสดงความพอใจที่ธนาคารรายใหญ่ 11 แห่งของวอลล์สตรีทได้ยื่นมือเข้ากอบกู้วิกฤตด้วยการอัดฉีดเงินฝากรวมกันจำนวน 3 หมื่นล้านดอลลาร์ให้กับธนาคารเฟิร์สต์ รีพับลิก แบงก์ (FRB) โดยโกลด์แมน แซคส์ เป็น 1 ในธนาคารรายใหญ่ที่เข้ากอบกู้วิกฤตในครั้งนี้
นายโซโลมอนได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า วิกฤตการณ์ธนาคารระดับภูมิภาคของสหรัฐเกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ และมีผลกระทบกับธนาคารเพียงไม่กี่แห่งที่มีโมเดลทางธุรกิจแบบเฉพาะเจาะจง แต่ระบบธนาคารในสหรัฐกำลังเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้เงินทุนเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจจะนำไปสู่การควบรวมกิจการมากขึ้นในภาคธนาคาร