ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า ธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐทั้ง 23 แห่งสามารถผ่านการทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test) โดยรายงานดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อระบบการเงินของสหรัฐ และช่วยบดบังปัจจัยลบจากความวิตกกังวลว่าเฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
-- นักลงทุนเทน้ำหนักเกือบ 90% ในการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ค. หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจและตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 86.8% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 25-26 ก.ค. และให้น้ำหนักเพียง 13.2% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.00-5.25%
-- นายชุนอิจิ ซูซูกิ รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่นกล่าวว่า รัฐบาลกำลังจับตาความเคลื่อนไหวของเยนอย่างใกล้ชิด และพร้อมดำเนินการเพื่อรักษาเสถียรภาพในตลาดปริวรรตเงินตรา
"การเคลื่อนไหวของสกุลเงินเพียงด้านเดียว หรือการเคลื่อนไหวที่ไร้เสถียรภาพ เป็นสิ่งที่ไม่พึงประสงค์"
"เรากำลังจับตาความคืบหน้าในตลาดอย่างใกล้ชิด โดยจะให้ความสำคัญอย่างเร่งด่วน และเราจะไม่ตัดทางเลือกใดๆในการสกัดความผันผวนในตลาด" นายซูซูกิกล่าว
ถ้อยแถลงของนายซูซูกิมีขึ้น ขณะที่เยนอ่อนค่าทะลุ 144 เทียบดอลลาร์ แตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 7 เดือน
-- นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า เฟดยังคงจับตาสถานการณ์ในอุตสาหกรรมธนาคารอย่างระมัดระวังเพื่อรับมือกับความเปราะบางที่อาจเกิดขึ้น
"เราไม่ต้องการที่จะบอกว่าภาวะปั่นป่วนในภาคดังกล่าวได้ยุติลงแล้วหรือไม่ โดยเรามีหน้าที่ที่จะต้องมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ"
-- ธนาคารกลางสวีเดน หรือริกส์แบงก์ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เมื่อวานนี้ สู่ระดับ 3.75% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551
ทั้งนี้ ธนาคารกลางได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 7 ติดต่อกันนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2565 ซึ่งก่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรอบนี้ ธนาคารกลางได้ตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0% หรือต่ำกว่า 0% เป็นเวลานานกว่า 7 ปี
นอกจากนี้ ธนาคารกลางส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งก่อนสิ้นปีนี้
-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่เปิดเผยเมื่อวานนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งสุดท้ายสำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/2566 โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.0% ในไตรมาสดังกล่าว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.4% และสูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 ที่ระดับ 1.1% และ 1.3% ตามลำดับ
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 26,000 ราย สู่ระดับ 239,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 265,000 ราย
ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ เพิ่มขึ้น 1,500 ราย สู่ระดับ 257,500 ราย
สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ร่วงลง 2.7% สู่ระดับ 76.5 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2565 เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าดัชนีปรับตัวลงเพียง 0.5%
เมื่อเทียบรายปี ดัชนีทรุดตัวลง 22.2% ในเดือนพ.ค.
-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่เปิดเผยในวันนี้ ทางการอังกฤษจะรายงานตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2566 เวลา 13.00 น. ตามเวลาไทย, ยูโรโซนจะรายงานอัตราว่างงานเดือนพ.ค. และอัตราเงินเฟ้อขั้นต้นเดือนมิ.ย. เวลา 16.00 น. และสหรัฐจะรายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนพ.ค. เวลา 19.30 น. ต่อด้วยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน เวลา 21.00 น.