อีปิก แบงก์รัปซี (Epiq Bankruptcy) ผู้ให้บริการข้อมูลการยื่นล้มละลายของสหรัฐ เปิดเผยว่า ยอดการยื่นขอล้มละลายตามมาตราที่ 11 ของสหรัฐในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 พุ่งขึ้น 68% เมื่อเทียบรายปี
รายงานระบุว่า เอสวีบี ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (SVB Financial Group), เอ็นวิชัน เฮลท์แคร์ คอร์ป (Envision Healthcare Corp), เบด บาธ แอนด์ บียอนด์ (Bed Bath & Beyond), ปาร์ตี้ ซิตี้ โฮลด์โค (Party City Holdco), ลอร์ดสทาวน์ มอเตอร์ส์ (Lordstown Motors) และคิดดี เฟนวอล (Kidde-Fenwal) เป็นตัวอย่างบริษัทชื่อดังที่ยื่นขอล้มละลาย หลังได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ และภาวะเงินเฟ้อหนืด (Sticky Inflation)
นางเอมี ควาเคนบอส ผู้อำนวยการสถาบันอเมริกัน แบงก์รัปซี (American Bankruptcy Institute) ระบุในแถลงการณ์ว่า "ยอดการยื่นขอล้มละลายสะท้อนให้เห็นถึงจำนวนครอบครัวและธุรกิจจำนวนมากที่เผชิญกับภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากอัตราดอกเบี้ย อัตราเงินเฟ้อ และต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้น"
ในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 มีการยื่นฟ้องขอล้มละลายเชิงพาณิชย์ตามมาตราที่ 11 แตะ 2,973 ราย เมื่อเทียบกับ 1,766 รายในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ทั้งนี้ การยื่นขอล้มละลายสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก ซึ่งจัดอยู่ในประเภทกฎหมายย่อยบทที่ 5 ของมาตรา 11 ก็เพิ่มขึ้น 55%