เจพี มอร์แกน มองตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงมีความน่าสนใจ เนื่องจากห่วงโซ่อุปทานเริ่มทยอยย้ายฐานจากจีนไปยังภูมิภาคดังกล่าว และความเปลี่ยนแปลงนี้คาดว่าจะช่วยบรรเทาผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับสองของโลก
นายราจีฟ บาทรา นักกลยุทธ์ตราสารทุนประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตลาดเกิดใหม่ของเจพี มอร์แกน เชส แอนด์โค กล่าวกับบลูมเบิร์กทีวีว่า "เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงเป็นพื้นที่ที่น่าสนใจมาก"
นายบาทรากล่าวเสริมว่า การเติบโตที่ชะลอตัวของจีนจะส่งผลกระทบต่อประเทศผู้ส่งออกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ก็ยังมีปัจจัยหนุนอยู่บ้าง เนื่องจากห่วงโซ่อุปทานกำลังย้ายฐานจากจีนไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เจพี มอร์แกน ยังได้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในอินโดนีเซียและเวียดนาม เนื่องจากตลาดของทั้งสองประเทศอยู่ในระดับแนวหน้าในการดึงดูดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของห่วงโซ่อุปทาน
นอกจากนี้แล้ว นายบาทรายังกล่าวอีกว่า คาดการณ์ว่าธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะคงอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 ผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางต่าง ๆ ในภูมิภาคไม่ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากเท่ากับประเทศตลาดเกิดใหม่อื่น ๆ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อไม่ได้สูงมากนัก ดังนั้นธนาคารกลางเหล่านี้จึงมีแนวโน้มว่าจะประกาศลดอัตราดอกเบี้ย หลังจากการหยุดปรับอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปี