ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า การที่จีนออกมาตรการควบคุมการส่งออกโลหะกัลเลียม (Gallium) และเจอร์มาเนียม (Germanium) ซึ่งเป็นโลหะที่สำคัญต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์, สื่อสารโทรคมนาคม และรถยนต์ไฟฟ้านั้น แสดงให้เห็นว่าจีนมีอำนาจในระดับหนึ่งที่จะตอบโต้สหรัฐ ญี่ปุ่น และยุโรป ที่ขัดขวางจีนในการเข้าถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัย แต่ในขณะเดียวกันจีนก็เสี่ยงที่จะเผชิญกับการตอบโต้
กระทรวงพาณิชย์จีนออกแถลงการณ์ในวันจันทร์ (3 ก.ค.) ว่า จีนจะควบคุมการส่งออกโลหะกัลเลียมและเจอร์มาเนียม รวมทั้งสารประกอบทางเคมีของโลหะทั้ง 2 ชนิดตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.ปีนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อปกป้องความมั่นคงของชาติ พร้อมระบุว่า ผู้ส่งออกโลหะทั้ง 2 ชนิดจะต้องยื่นขอใบอนุญาตจากทางกระทรวงหากต้องการส่งออกโลหะดังกล่าวไปยังต่างประเทศ
ถ้อยแถลงดังกล่าวซึ่งมีขึ้นเพียงไม่กี่วันก่อนที่นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐจะเดินทางเยือนจีนนั้น ได้แสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนว่า จีนต้องการยกระดับแรงกดดันให้ทำเนียบขาวยกเลิกมาตรการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีที่ทันสมัยให้กับจีน
อย่างไรก็ดี มาตรการดังกล่าวของจีนอาจกลายเป็นดาบสองคม และอาจจะเร่งกระบวนการที่ทำให้ประเทศต่าง ๆ ลดการพึ่งพาจีน โดยหากจีนบังคับใช้มาตรการควบคุมการส่งออกและลดการจัดหาสินค้าให้กับประเทศอื่น ๆ ก็จะส่งผลให้ราคาสินค้าเหล่านั้นพุ่งขึ้น และทำให้หลายประเทศพากันเพิ่มการผลิตสินค้า เช่น ญี่ปุ่น แคนาดา สหรัฐ และประเทศอื่น ๆ
จา เอียน ชอง ผู้เชี่ยวชาญด้านรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์กล่าวว่า "นี่เป็นเกมการตอบโต้ของจีนที่ต้องการเล่นงานสหรัฐและบรรดาชาติพันธมิตรของสหรัฐ ในช่วงแรกมาตรการนี้อาจจะส่งผลกระทบต่อตลาดและบริษัทต่าง ๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไปและมาตรการดังกล่าวยังคงมีการบังคับใช้อยู่ ตลาดและบริษัทเอกชนจะสามารถปรับตัวได้"
หลังจากที่จีนออกมาตรการควบคุมการส่งออกโลหะกัลเลียมและเจอร์มาเนียมได้เพียง 1 วัน หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานในวันนี้ (4 ก.ค.) ว่า คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เตรียมออกมาตรการควบคุมไม่ให้บริษัทของจีนสามารถเข้าถึงบริการคลาวด์คอมพิวติง (cloud-computing) ของสหรัฐ
แหล่งข่าวเปิดเผยกับวอลล์สตรีท เจอร์นัลว่า หากสหรัฐบังคับใช้มาตรการใหม่นี้ ก็จะทำให้บริษัทที่ให้บริการคลาวด์ในสหรัฐ เช่น อะเมซอนและไมโครซอฟท์ ต้องยื่นขออนุมัติจากรัฐบาลสหรัฐก่อนที่จะให้บริการคลาวด์คอมพิวติงซึ่งใช้ในการผลิตชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ทันสมัยให้กับลูกค้าในประเทศจีน
ทั้งนี้ แหล่งข่าวคาดการณ์ว่า กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะบังคับใช้มาตรการดังกล่าวในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเพิ่มขอบข่ายนโยบายการควบคุมการส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ที่เคยบังคับใช้เบื้องต้นในเดือนต.ค.ปีที่แล้ว