สำนักข่าวนิกเกอิเอเชียรายงานโดยอ้างอิงข้อมูลจากกลุ่มนักวิเคราะห์ว่า แนวโน้มตลาดหุ้นมาเลเซียยังคงซบเซา หลังปรับตัวลดลง 7% ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ โดยการที่ธนาคารกลางมาเลเซียคุมเข้มนโยบายการเงิน เพื่อสกัดเงินเฟ้อ ค่าเงินริงกิตที่อ่อนค่าลง และข้อวิตกกังวลอื่น ๆ ได้บั่นทอนความเชื่อมั่นนักลงทุน
ดัชนี FBM KLCI ของมาเลเซีย ปิดลบ -0.24% แตะที่ 1,392.49 ในวันอังคาร (4 ก.ค.) โดยซื้อขายต่ำกว่าระดับ 1,400 ตั้งแต่เดือนมิ.ย. หลังเกือบแตะระดับ 1,500 ในเดือนก.ค.
กำไรรวมของบริษัทขนาดใหญ่ที่สุด 30 แห่งในตลาดหุ้นมาเลเซียลดลงประมาณ 35% ในไตรมาสแรกของปีนี้ เทียบกับไตรมาส 4/2565 ขณะที่ ตลาดหุ้นมาเลเซียเผชิญภาวะเงินทุนต่างชาติไหลออก 4.19 พันล้านริงกิต (903 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 ท่ามกลางการขาดแคลนปัจจัยหนุนใหม่ ๆ และภาคการค้าที่อ่อนแอลง
อีกปัจจัยที่ฉุดหุ้นมาเลเซียคือ ความไม่พอใจต่อนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลและความไม่แน่นอนทางการเมืองก่อนการเลือกตั้งระดับรัฐในเดือนนี้หรือเดือนหน้า ซึ่งอาจกระทบต่อรัฐบาลที่จัดตั้งขึ้นในเดือนพ.ย.ปีที่แล้วของนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม แห่งมาเลเซีย
"ดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นจะบั่นทอนกิจกรรมการกู้ยืมและปล่อยสินเชื่อระหว่างธุรกิจและธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงขึ้นเพื่อกู้ยืมเงิน" นางนูร์ อีน ชาห์รีเออร์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ภาควิชาเศรษฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยซันเวย์ระบุ พร้อมกล่าวเสริมว่า นักลงทุนจะแสวงหาผลตอบแทนที่สูงกว่าในตราสารหนี้