ผลสำรวจจากสถาบันมาตรฐานอังกฤษ (BSI) เปิดเผยวันนี้ (5 ก.ค.) ว่า เกือบ 1 ใน 3 ของแรงงานหญิงในอังกฤษคาดว่าจะหยุดทำงานก่อนถึงวัยเกษียณ โดยส่วนใหญ่ให้เหตุผลเกี่ยวกับปัญหาด้านสุขภาพและชีวิตความเป็นอยู่ ซึ่งรวมถึงการหมดประจำเดือนหรืออาการวัยทอง
BSI ระบุว่า ผลการสำรวจแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นที่นายจ้างและภาครัฐจะต้องเข้ามาช่วยเหลือหญิงสูงวัยที่ยังคงเหลืออยู่ในตลาดแรงงาน
ผลสำรวจความคิดเห็นของผู้หญิงอายุมากกว่า 18 ปีประมาณ 1,000 คน ซึ่งจัดทำขึ้นในเดือนพ.ค. พบว่า ผู้ตอบแบบสำรวจ 29% คาดว่าจะเลิกทำงานก่อนถึงวัยเกษียณด้วยเหตุผลอื่นนอกเหนือจากทางเลือกส่วนตัว ขณะที่ 42% ของจำนวนดังกล่าวให้เหตุผลเกี่ยวกับสุขภาพและชีวิตความเป็นอยู่ ส่วนอีกราว 1 ใน 5 ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวถึงการหมดประจำเดือนว่าเป็นปัจจัยในการตัดสินใจเลิกทำงาน
ความรับผิดชอบด้านการดูแลสมาชิกครอบครัวและการขาดความยืดหยุ่นในการทำงานถูกยกให้เป็นอุปสรรคในการทำงานโดย 1 ใน 5 ของผู้ตอบแบบสอบถาม
นางแอนน์ เฮย์ส ผู้อำนวยการฝ่ายกำกับดูแลภาคส่วนของ BSI กล่าวว่า "มีปัจจัยต่าง ๆ มากมายที่ทำให้ผู้หญิงต้องออกจากงาน แต่ก็มีกลยุทธ์ที่ชัดเจนมากมายในการจัดการกับปัจจัยเหล่านี้เช่นเดียวกัน"
นางเฮย์สระบุว่า กลยุทธ์เหล่านั้น รวมถึง การมอบการสนับสนุนแก่แรงงานที่กำลังประสบกับภาวะหมดประจำเดือน และช่วยเหลือในด้านอื่น ๆ อาทิ ความยืดหยุ่นในการทำงาน และการลดมลทินทางสังคม
อังกฤษกำลังพยายามเพิ่มจำนวนแรงงานมากขึ้นหลังผู้คนราวครึ่งล้านออกจากงานระหว่างการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงนับเป็นเรื่องยากสำหรับนายจ้างในการเติมเต็มตำแหน่งที่ยังว่างอยู่ และเป็นการซ้ำเติมปัญหาเงินเฟ้อพุ่งสูงของประเทศให้หนักขึ้น
ทั้งนี้ 32% ของผู้หญิงอังกฤษอายุ 50-64 ปี ไม่ได้ทำงานหรือไม่ได้กำลังมองหางานอยู่ในไตรมาสแรกของปีนี้ เมื่อเทียบกับ 22% ของผู้ชายในวัยเดียวกัน ในขณะที่ผู้ชายและผู้หญิงวัย 25-34 ปี ที่ว่างงานหรือไม่ได้กำลังมองหางานมีสัดส่วนอยู่ที่ 16% และ 8% ตามลำดับ