นักลงทุนได้พากันปรับลดคาดการณ์แนวโน้มตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียปีนี้ เนื่องจากมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับการผ่อนคลายนโยบายการเงินของประเทศต่าง ๆ ในเอเชียนั้น ได้ลดน้อยลง รวมถึงแนวโน้มเศรษฐกิจของจีนที่อ่อนแอลงด้วย
สำนักข่าวบลูมเบิร์กได้ทำการสำรวจความเห็นของนักยุทธศาสตร์ด้านการลงทุนและผู้จัดการกองทุนจำนวน 17 ราย ซึ่งส่วนใหญ่คาดว่าดัชนี MSCI Asia Pacific Index จะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 174 จุดภายในสิ้นปี 2566 เมื่อเทียบกับระดับ 178.5 จุดที่คาดการณ์ไว้เมื่อ 3 เดือนที่แล้ว
ทั้งนี้ หากเป็นไปตามการคาดการณ์ดังกล่าว ดัชนี MSCI Asia Pacific Index จะปิดตลาดสิ้นปี 2566 ที่ต่ำกว่าระดับของเดือนมี.ค. ปี 2565 ซึ่งในเวลานั้น ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 3 ปี และสะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนยังไม่พร้อมที่จะปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินอย่างมีนัยสำคัญ
ดัชนี MSCI Asia Pacific Index ทำผลงานย่ำแย่กว่าดัชนี S&P500 ในตลาดหุ้นนิวยอร์กอยู่ประมาณ 10% ในปีนี้ ขณะที่ซิน-เหยา อึ้ง ผู้จัดการฝ่ายตลาดหุ้นเอเชียของบริษัท abrdn Plc กล่าวว่า "จีนเป็นตัวแปรสำคัญสำหรับตลาดหุ้นเอเชีย และโดยทั่วไปแล้วการลงทุนในหุ้นจีนเป็นไปอย่างระมัดระวัง"
ในวันนี้ (5 ก.ค.) ดัชนี MSCI Asia Pacific Index ปรับตัวลงราว 0.5% หลังจากไฉซิน/เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยผลสำรวจในวันนี้ (5 ก.ค.) ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนมิ.ย.ของจีนปรับตัวลงสู่ระดับ 53.9 จากระดับ 57.1 ในเดือนพ.ค. เนื่องจากกิจกรรมทางธุรกิจและยอดสั่งซื้อใหม่ชะลอตัวลง
เศรษฐกิจจีนกำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ หลังมีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอในเดือนพ.ค. รวมถึงยอดค้าปลีกและการผลิตภาคอุตสาหกรรม ซึ่งทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าจีนอาจจะเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในไม่ช้านี้