เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยว่า นางเจเนต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐได้เข้าพบกับนายอี้ กัง ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน และนายหลิว เหอ อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านเศรษฐกิจของจีน ในวันนี้ (7 ก.ค.) เพื่อหารือในประเด็นเศรษฐกิจโลก รวมถึงเศณษฐกิจของสหรัฐและจีน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นางเยลเลนเดินทางเยือนกรุงปักกิ่งเพื่อพยายามบรรเทาความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีน แม้ว่าจะมีความคาดหวังเพียงเล็กน้อยก็ตาม โดยเจ้าหน้าที่จากทั้งสองฝ่ายยอมรับว่าการปกป้องผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของชาติมีความสำคัญมากกว่าการกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจในเชิงลึก
เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังสหรัฐกล่าวว่า นางเยลเลน, นายอี้ กัง และนายหลิว เหอ ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกันในสาระสำคัญ แต่ไม่ได้ระบุรายละเอียดเพิ่มเติมใดๆ
รายงานระบุว่า แม้นายหลิว เหอจะเกษียณแล้ว แต่เขาก็เป็นคนสนิทของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน และการประชุมครั้งนี้จะช่วยสานต่อจากการประชุมที่จัดขึ้น ณ เมืองซูริค เมื่อเดือนม.ค. ที่ผ่านมา
"เราแสวงหาการแข่งขันทางเศรษฐกิจที่เป็นธรรมและมีประโยชน์ต่อทั้งแรงงานและบริษัทสหรัฐ และเพื่อร่วมมือกันรับมือกับความท้าทายระดับโลก" นางเยลเลนระบุผ่านทางทวิตเตอร์ ไม่นานหลังจากเดินทางถึงกรุงปักกิ่งในคืนวันพฤหัสบดี (6 ก.ค.)
นางเยลเลนเสริมว่า "เราจะดำเนินการเพื่อปกป้องความมั่นคงของชาติ หากจำเป็น และการเดินทางครั้งนี้เป็นโอกาสในการสื่อสาร และหลีกเลี่ยงการสื่อสารที่ผิดพลาดหรือความเข้าใจผิด"
ขณะเดียวกัน กระทรวงการคลังของจีนระบุในแถลงการณ์ในวันนี้ว่า จีนหวังว่าสหรัฐจะดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าระดับทวิภาคี
แถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า "ไม่มีใครได้รับชัยชนะจากสงครามการค้าหรือการแบ่งขั้วทางเศรษฐกิจ หรือทำลายการเชื่อมต่อทางเศรษฐกิจ"
นอกจากนี้ บริษัทสหรัฐที่ดำเนินธุรกิจในจีนหวังว่าการเดินทางเยือนจีนของนางเยลเลนครั้งนี้ จะช่วยรักษาความต่อเนื่องของช่องทางการค้าและการพาณิชย์ระหว่างสองประเทศ โดยไม่คำนึงถึงระดับความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์
นายไมเคิล ฮาร์ต ประธานหอการค้าอเมริกันในจีน (AmCham China) กล่าวว่า "การมาเยือนของนางเยลเลนมีความสำคัญ เพราะช่วยเปิดโอกาสให้มีการสนทนามากขึ้น รวมถึงเปิดโอกาสให้เกิดการพูดคุยจากคนระดับกลางจากทั้งสองฝ่ายมากขึ้น"
ทั้งนี้ นายฮาร์ตเสริมว่า "ผมคิดว่าหากไม่มีการมาเยือนของผู้นำระดับสูงของรัฐบาลสหรัฐ ตลาดจะตึงเครียดยิ่งขึ้น"