ศาลแขวงเมืองซานฟรานซิสโกของสหรัฐมีคำวินิจฉัยว่า บริษัทไมโครซอฟท์สามารถเดินหน้าแผนซื้อกิจการบริษัทแอคติวิชัน บลิซซาร์ด (Activision Blizzard) ซึ่งเป็นผู้ผลิตวิดีโอเกมรายใหญ่ของสหรัฐ ซึ่งคำวินิจฉัยดังกล่าวถือเป็นการปฏิเสธคำร้องของคณะกรรมาธิการการค้าของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FTC) ที่ต้องการให้ศาลระงับข้อตกลงมูลค่า 6.9 หมื่นล้านดอลลาร์ระหว่างไมโครซอฟท์และแอคติวิชันเป็นการชั่วคราว เนื่องจากมีความกังวลเรื่องการผูกขาดตลาด
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา FTC ได้ยื่นคำร้องต่อศาลแขวงเมืองซานฟรานซิสโก เพื่อขอศาลมีคำสั่งระงับการทำข้อตกลงระหว่างไมโครซอฟท์ และแอคติวิชันเป็นการชั่วคราว เนื่องจากมีความกังวลว่า หากข้อตกลงเสร็จสมบูรณ์ บริษัทที่ควบรวมกันแห่งนี้จะสามารถเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานและแผนธุรกิจของแอคติวิชัน, เข้าถึงข้อมูลทางธุรกิจที่ละเอียดอ่อนของแอคติวิชัน, ปลดบุคลากรที่สำคัญของแอคติวิชัน, เปลี่ยนแปลงความพยายามในการพัฒนาเกมของแอคติวิชัน รวมถึงการทำข้อตกลงหรือสัญญาใหม่ ๆ ในนามของแอคติวิชัน
นอกจากนี้ FTC ยังกังวลว่า หากไมโครซอฟท์ได้รับอนุญาตให้ซื้อแอคติวิชัน ไมโครซอฟท์จะมีอำนาจในการจำกัดหรือลดคุณภาพผลิตภัณฑ์เกมของแอคติวิชันด้วยการควบคุมในด้านราคา, คุณภาพเกม, ข้อเสนอของคู่แข่ง หรือสกัดกั้นเนื้อหาจากคู่แข่งทั้งหมด
อย่างไรก็ดี ล่าสุดศาลมีคำวินิจฉัยในวันอังคาร (11 ก.ค.) ว่า ไมโครซอฟท์สามารถเข้าซื้อกิจการบริษัทแอคติวิชันได้ตามแผนการที่วางไว้ และให้เวลา FTC จนถึงวันที่ 14 ก.ค.ในการอุทธรณ์คำวินิจฉัยดังกล่าวของศาล
ข้อตกลงดังกล่าวถือเป็นการทำข้อตกลงซื้อกิจการครั้งใหญ่ที่สุดของไมโครซอฟท์ และใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของอุตสาหกรรมวิดีโอเกม โดยการที่ศาลมีคำวินิจฉัยให้ไมโครซอฟท์เดินหน้าซื้อกิจการแอคติวิชันได้ตามแผนนั้น เป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นแอคติวิชันปิดตลาดพุ่งขึ้นกว่า 10% ที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กในวันอังคาร (11 ก.ค.)
ทั้งนี้ แอคติวิชันเป็นผู้ผลิตวิดีโอเกมยอดนิยม เช่น Call of Duty, World of Warcraft และ Diablo รวมทั้งเกมยอดฮิตบนโทรศัพท์มือถืออย่าง Candy Crush Saga