บริษัทเทสลา อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยว่า รายได้ในไตรมาส 2/2566 อยู่ที่ระดับ 2.493 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ของรีฟินิทิฟ (Refinitiv) คาดการณ์ไว้ที่ 2.447 หมื่นล้านดอลลาร์
ขณะที่กำไรต่อหุ้นในไตรมาส 2 อยู่ที่ 91 เซนต์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 82 เซนต์ และกำไรสุทธิตามมาตรฐานบัญชีทั่วไป (GAAP) อยู่ที่ 2.70 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
อย่างไรก็ดี กำไรจากการดำเนินงานของเทสลา ลดลง 3% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว สู่ระดับ 2.40 พันล้านดอลลาร์
รายงานระบุว่า ในช่วงไตรมาส 1/2566 เทสลาเปิดเผยกำไรสุทธิอยู่ที่ 2.51 พันล้านดอลลาร์ จากรายได้โดยรวม 2.333 หมื่นล้านดอลลาร์ และในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2565 เทสลาเปิดเผยกำไรสุทธิอยู่ที่ 2.27 พันล้านดอลลาร์ จากรายได้โดยรวม 1.693 หมื่นล้านดอลลาร์
ในระหว่างการแถลงผลประกอบการครั้งนี้ นายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลากล่าวว่า "เทสลายังคงตั้งเป้าที่จะส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าจำนวน 1.8 ล้านคันในปีนี้ แต่คาดว่าการผลิตในไตรมาส 3 อาจจะลดลงเล็กน้อย เนื่องจากเรามีการปิดโรงงานหลายแห่งเพื่อทำการปรับปรุงในช่วงฤดูร้อน"
ส่วนกรณีที่กำไรจากการดำเนินงานลดลงในไตรมาส 2 ปีนี้ เทสลาอธิบายกับบรรดาผู้ถือหุ้นว่า เป็นผลมาจากการที่บริษัทปรับลดราคาขายเฉลี่ยของรถยนต์ไฟฟ้า รวมทั้งการพุ่งขึ้นของต้นทุนการผลิตแบตเตอรีที่ออกแบบสำหรับการใช้ภายในหรือที่เรียกว่าแบตเตอรี่ ""4680 cells"
ทั้งนี้ ราคาหุ้นเทสลาร่วงลงกว่า 4% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กช่วงเช้าวันนี้ หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการ