นางจาง ตานตาน รองศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยปักกิ่งคาดการณ์ว่า อัตราการว่างงานในกลุ่มคนหนุ่มสาวในประเทศจีนอาจเฉียดระดับ 50% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นข้อกล่าวอ้างที่สูงกว่าตัวเลขจากรัฐบาลจีนและทำให้เกิดการถกเถียงกันอีกครั้งเกี่ยวกับตัวเลขสถิติอย่างเป็นทางการ
สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) ระบุว่า อัตราการว่างงานในเดือนนี้ของประชากรหนุ่มสาวที่มีอายุระหว่าง 16 - 24 ปี อยู่ที่ 19.7% ต่ำกว่าตัวเลขที่นางจางคาดการณ์เอาไว้กว่าครึ่งหนึ่ง
นางจางระบุในบทความออนไลน์ของนิตยสารการเงินไฉซินว่า หากนับรวมประชากร 16 ล้านคนที่ไม่ใช่นักเรียนและอยู่บ้านไปวัน ๆ หรือพึ่งพาผู้ปกครอง อัตราการว่างงานในกลุ่มคนหนุ่มสาวอาจสูงถึง 46.5%
ทั้งนี้ นางจางเป็นรองศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ที่โรงเรียนด้านการพัฒนาแห่งชาติ (National School of Development) ของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง โดยบทความของเธอซึ่งถูกเผยแพร่ออกมาเมื่อวันจันทร์ (17 ก.ค.) ได้ถูกลบออกไปเรียบร้อยแล้ว
อัตราว่างงานของคนหนุ่มสาวอย่างเป็นทางการ ซึ่งนับรวมเฉพาะคนที่กระตือรือร้นในการหางาน เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ที่ 21.3% ในเดือนมิ.ย. หลังจาก เศรษฐกิจจีนสูญเสียแรงผลักดันในไตรมาส 2/2566 โดยเหล่าผู้กำหนดนโยบายได้พยายามที่จะทำให้เศรษฐกิจมีความมั่นคงมากขึ้นนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19
งานวิจัยของนางจางมุ่งความสนใจไปที่ผลกระทบของโรคระบาดที่มีต่อศูนย์กลางการผลิตอย่างเมืองซูโจวและคุนซาน ทางภาคตะวันออกของจีน
นางจางระบุในบทความว่า "จนถึงเดือนมี.ค.การจ้างงานฟื้นตัวขึ้นเพียง 2 ใน 3 จากช่วงก่อนโควิด-19 ระบาด ซึ่งเป็นช่วงที่การระบาดเริ่มซาลง โดยคนหนุ่มสาวยังคงเป็นแรงงานหลักในภาคการผลิต ดังนั้นพวกเขาจึงได้รับผลกระทบร้ายแรงกว่า"
นอกจากนี้ นางจางกล่าวอีกว่า มาตรการกำกับดูแลกฎระเบียบที่เริ่มใช้ตั้งแต่ปี 2564 ในธุรกิจการสอนพิเศษ อสังหาริมทรัพย์ และแพลตฟอร์มออนไลน์ ได้ส่งผลกระทบอย่างไม่สมดุลต่อพนักงานอายุน้อยและผู้มีการศึกษาดี