นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐที่กำลังอยู่ในระหว่างภารกิจเดินทางเยือนเอเชียได้กล่าวสุนทรพจน์ที่กรุงฮานอยของเวียดนามในวันนี้ (21 ก.ค.) ว่า สหรัฐมองว่าเวียดนามคือพันธมิตรที่สำคัญในการขยายแหล่งพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการสร้างห่วงโซ่อุปทานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น
นางเยลเลนกล่าวกับสภาธุรกิจสหรัฐ-อาเซียนว่า การค้าระหว่างสหรัฐและเวียดนามได้เติบโตขึ้นเกือบ 25% ต่อปีในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา และแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อปีที่แล้ว
ในคำปราศรัยของนางเยลเลนที่เผยแพร่ที่กรุงวอชิงตันเมื่อช่วงค่ำวานนี้ (20 ก.ค.) ระบุว่า ไม่มีสัญญาณว่าการค้าระหว่างสหรัฐและเวียดนามกำลังชะลอตัวลง พร้อมทั้งยังบ่งชี้ด้วยว่า การลงทุนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของเวียดนามก็กำลังเร่งตัวขึ้นด้วย
การเยือนเวียดนามของนางเยลเลน เป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันของสหรัฐ เพื่อยกระดับความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการกับเวียดนาม ในขณะที่สหรัฐกำลังหาทางลดการพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานของจีนด้วยการขยายการผลิตในสหรัฐ และส่งเสริมการค้ากับพันธมิตรที่ไว้วางใจได้ แต่ก็มีการต่อต้านความพยามดังกล่าวอยู่บ้างในเวียดนาม โดยผู้เชี่ยวชาญบางส่วนแสดงความกังวลว่าจีนอาจมองว่าความร่วมมือนี้เป็นการต่อต้านจีน
นางเยลเลนยังได้ชี้ให้เห็นว่าเวียดนามกลายเป็นส่วนสำคัญของห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ระดับโลก โดยกล่าวถึงการลงทุนครั้งใหญ่ของบริษัทสหรัฐในเวียดนาม เช่น แอมคอร์ (Amkor) และอินเทล (Intel) โดยโรงงานประกอบและทดสอบของอินเทลที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั้นตั้งอยู่ที่เวียดนาม