นักวิเคราะห์หลายรายได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มที่ไม่แน่นอนของตลาดหุ้นไทยและค่าเงินบาท โดยระบุว่า ตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนอย่างมากในขณะนี้ หลังจากทำสถิติขาขึ้นยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี 2566 ขณะที่นักลงทุนกำลังประเมินว่า ไทยจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ได้โดยไม่จุดชนวนให้เกิดการประท้วงที่รุนแรงได้หรือไม่
ความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่เกิดขึ้น หลังจากนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ถูกศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไว้ชั่วคราวจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยชี้ขาดในคดีที่ถูกตรวจสอบว่าขาดคุณสมบัติในกรณีถือครองหุ้นสื่อหรือไม่ ซึ่งทำให้นายพิธาถูกสกัดไม่ให้ได้รับการเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีรอบที่สอง และนำไปสู่การคาดการณ์ที่ว่า พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคที่ชนะการเลือกตั้งอันดับสอง จะเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในการประชุมรัฐสภาในสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์กได้รวบรวมความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์เกี่ยวกับมุมมองที่มีต่อแนวโน้มตลาดหุ้นและค่าเงินบาทของไทย โดยนายอดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ธนชาตกล่าวว่า "เราต้องจับตาการประท้วงอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากการประท้วงทวีความุรนแรงมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบด้านลบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและภาคการค้า"
ดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ซึ่งเป็นตลาดที่ทำผลงานแย่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียในปีนี้ ปิดตลาดร่วงลง 1% ในวันพฤหัสบดี (20 ก.ค.) หลังจากที่ปรับตัวขึ้นราว 0.3% ในช่วงเช้าของวันดังกล่าว ขณะที่เงินบาทแข็งค่าขึ้น 1.1% แตะที่ระดับ 33.753 ดอลลาร์ในวันพฤหัสบดี ก่อนที่จะชะลอการแข็งค่าในเวลาต่อมา
นายวริทธิ์ธร แก้วม่วง นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) คาดการณ์ว่า ตลาดจะหันไปจับตาการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ที่นำโดยพรรคเพื่อไทยซึ่งขณะนี้กำลังเผชิญกับความท้าทายในหลายด้าน พร้อมกับจับตาว่าพรรคก้าวไกลจะถูกผลักดันให้ไปเป็นพรรคฝ่ายค้านหรือไม่
ทั้งนี้ นายวริทธิ์ธรแนะนำให้นักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นที่ถูกเทขายในช่วงที่ตลาดรู้ผลการเลือกตั้ง โดยมองว่าหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและบริการก่อสร้างเป็นหุ้นที่น่าจะได้ประโยชน์ในสถานการณ์นี้
"เราคาดว่านักลงทุนกำลังรอดูความแน่นอนของรัฐบาลชุดใหม่ และคาดหวังว่าจะไม่มีผลกระทบเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนขั้วการทางเมือง ส่วนการชุมนุมประท้วงที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ยังถือว่าเป็นการชุมนุมขนาดปานกลางและไม่มีเหตุรุนแรง เราไม่คาดว่าการประท้วงที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนขั้วรัฐบาลจะมีผลกระทบรุนแรงต่อตลาดหุ้น แต่จะมีผลกระทบต่อหุ้นที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวในระยะใกล้นี้" นายวริทธิ์ธรกล่าว
ด้านเจฟฟรีย์ จาง นักกลยุทธ์ด้านตลาดเกิดใหม่จากเครดิต อากริโคล ซีไอบีกล่าวว่า "เรายังคงกังวลว่า เงินบาทจะมีความผันผวนมากขึ้นก่อนที่การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทยจะมีความชัดเจน และเราคาดว่าเงินบาทจะปรับตัวลง หากกระบวนการจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปอย่างยืดเยื้อและมีความขัดแย้งทางการเมืองเพิ่มมากขึ้น"