สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยในวันนี้ (21 ก.ค.) ว่า ยอดขาดดุลงบประมาณเดือนมิ.ย.ของอังกฤษแตะ 1.85 หมื่นล้านปอนด์ (2.382 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ลดลง 400 ล้านปอนด์จากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว
ผลสำรวจความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์ที่จัดทำโดยสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ว่า การกู้ยืมเงินสาธารณะสุทธิของภาครัฐ ไม่นับรวมธนาคารของรัฐ แตะที่ 2.2 หมื่นล้านปอนด์ในเดือนมิ.ย.
ONS กล่าวว่า รายได้ภาษีที่เพิ่มขึ้นและดอกเบี้ยหนี้สินภาครัฐที่ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย. 2565 ส่วนใหญ่ถูกหักล้างจากรายจ่ายด้านผลประโยชน์และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เพิ่มสูงขึ้น
ยอดขาดดุลงบประมาณเดือนมิ.ย. ทำให้เงินกู้ยืมในช่วง 3 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2566/67 อยู่ที่ 5.44 หมื่นล้านปอนด์ มากกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 1.22 หมื่นล้านปอนด์ แต่น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ 7.5 พันล้านปอนด์
รายงานระบุว่า การกู้ยืมของรัฐบาลอังกฤษเพิ่มสูงขึ้นในช่วงโรคโควิด-19 ระบาด ทำให้หนี้สาธารณะพุ่งเกิน 100% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ซึ่งแตะระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 และอยู่ที่ 100.8% ของ GDP ในเดือนมิ.ย.
ทั้งนี้ นายเจเรมี ฮันท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอังกฤษและนายกรัฐมนตรีริชี ซูนัค แห่งอังกฤษต่อต้านข้อเรียกร้องจากฝ่ายนิติบัญญัติภายในพรรคอนุรักษนิยมที่ต้องการให้ลดภาษี ก่อนการเลือกตั้งระดับชาติที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2567