บริษัทเชฟรอน คอร์ป (Chevron Corp.) ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันรายใหญ่อันดับสองของสหัฐ เปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ (23 ก.ค.) ว่า ผลกำไรไตรมาสที่ 2/2566 ของบริษัทอยู่ที่ 6 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์จากวอลล์สตรีทได้คาดการณ์ไว้ ขณะที่ผลประกอบการทั้งหมดจะถูกเปิดเผยในวันศุกร์ (28 ก.ค.) และทางนายไมเคิล เวิร์ธ ซีอีโอของเชฟรอน ได้ส่งสัญญาณว่า เชฟรอนยังคงเปิดกว้างต่อการควบรวมกิจการเพิ่มเติม รวมถืงจะกระจายการถือหุ้นเพิ่มในปีนี้
กำไรที่ปรับแล้วอยู่ที่ 3.08 ดอลลาร์ต่อหุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.97 ดอลลาร์ต่อหุ้น
นายเวิร์ธระบุว่า สภาพแวดล้อมด้านราคาในระดับมหภาคเริ่มอ่อนตัวลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2566 แต่ก็ถือว่า ไตรมาส 2/2566 ยังคงเป็นไตรมาสที่แข็งแกร่ง
นายเวิร์ธกล่าวว่า "เรามีผลการดำเนินงานในระดับสูง และเวลาหยุดทำงานโดยไม่ได้วางแผนไว้น้อยมาก"
การผลิตน้ำมันและก๊าซของเชฟรอนในลุ่มน้ำเพอร์เมียน (Permian Basin) ซึ่งเป็นแหล่งหินดินดานอันดับต้น ๆ ของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 10% แตะระดับ 772,000 บาร์เรลต่อวันในไตรมาส 2/2566 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเป็นปริมาณสูงสุดที่เชฟรอนเคยผลิตได้ในเขตเพอร์เมียน
นอกจากนี้นายเวิร์ธได้กล่าวเสริมว่า การขยายโครงการในคาซัคสถาน ยังคงเป็นไปตามกำหนดการและงบประมาณที่วางเอาไว้
เมื่อต้นปีนี้ ทางเชฟรอนได้ตกลงที่จะซื้อกิจการของพีดีซี เอเนอร์จี (PDC Energy) เป็นเงินสด 7.6 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงหนี้สินของพีดีซีด้วย โดยมีกำหนดจะปิดข้อตกลงกันในเดือนหน้า