สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานในวันนี้ (24 ก.ค.) ว่า วาณิชธนกิจรายใหญ่ระดับโลกหลายแห่งได้ปรับเปลี่ยนการคาดการณ์ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของจีน เกือบทุกเดือนในปีนี้ โดยเจพีมอร์แกน (JPMorgan) ได้มีการปรับเปลี่ยนไปแล้ว 6 ครั้ง นับตั้งแต่เดือนม.ค.
เจพีมอร์แกนเพิ่งปรับลดการคาดการณ์ GDP ปีนี้ของจีนในเดือนก.ค. สู่การขยายตัว 5% ลดลงจากที่เคยคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัว 5.5% ซึ่งสอดคล้องกับซิตี้ (Citi) และมอร์แกน สแตนลีย์ (Morgan Stanley) ที่ต่างก็ปรับลดคาดการณ์ GDP จีนสู่การขยายตัว 5%
การคาดการณ์ GDP จีนโดยเฉลี่ยของวาณิชธนกิจ 6 แห่งที่วิเคราะห์โดยสำนักข่าวซีเอ็นบีซี พบว่าอยู่ที่ระดับ 5.1% ซึ่งใกล้เคียงกับเป้าหมายประมาณ 5% ที่รัฐบาลจีนได้ประกาศไว้เมื่อเดือนมี.ค.
การคาดการณ์ล่าสุดของซิตี้ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงการคาดการณ์เศรษฐกิจจีนครั้งที่ 4 ในปีนี้ ในขณะที่โนมูระ (Nomura) ปรับเปลี่ยนการคาดการณ์ 4 ครั้ง ยูบีเอส (UBS) ปรับ 3 ครั้ง โกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) ปรับ 2 ครั้ง ส่วนมอร์แกน สแตนลีย์ ได้ปรับเปลี่ยนการคาดการณ์เพียงครั้งเดียวนับตั้งแต่เดือนม.ค.
รายงานระบุว่า วาณิชธนกิจส่วนใหญ่ปรับเพิ่มกคาดการณ์เศรษฐกิจจีนในช่วงต้นปี 2566 เนื่องจากเศรษฐกิจจีนเริ่มฟื้นตัว หลังจากยกเลิกมาตรควบคุมโควิด-19 อันเข้มงวด
การปรับลดครั้งล่าสุดมีขึ้นหลังจากข้อมูลเศรษฐกิจจีนล่าสุดบ่งชี้ว่าการเติบโตชะลอตัวกว่าที่คาดการณ์ไว้ และทางการจีนก็แสดงความลังลที่จะเริ่มดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่
ทั้งนี้ GDP ไตรมาสที่ 2/2566 ของจีนเพิ่มขึ้น 6.3% ซึ่งเป็นการเติบโตน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ที่ 7.3%