นักลงทุนในตลาดการเงินคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันนี้ (26 ก.ค.) ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 11 ในการประชุมนโยบาย 12 ครั้งที่ผ่านมา และคาดว่าจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกครั้งสุดท้ายสำหรับปีนี้
นักลงทุนให้น้ำหนักเกือบ 100% ในการคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินและภาวะเศรษฐกิจถดถอยในช่วงปี 2550-2552
ขณะเดียวกันนักลงทุนคาดว่าเฟดใกล้ยุติวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังการเปิดเผยยอดค้าปลีก, ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่ต่ำกว่าคาด โดยนักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้เป็นครั้งสุดท้ายในปีนี้ และจะคงอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปี ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า
นอกจากนี้ นักลงทุนคาดว่าในการประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินครั้งต่อไปนั้น เฟดจะพยายามสร้างความสมดุลในการประเมินว่าเศรษฐกิจยังคงมีความแข็งแกร่งมากเกินกว่าที่จะปรับอัตราเงินเฟ้อให้ลดลงสู่ระดับเป้าหมายของเฟดที่ 2% ได้หรือไม่ และประเมินหลักฐานของความเป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะเงินฝืด
นอกเหนือจากผลการประชุมนโยบายการเงินแล้ว นักลงทุนยังจับตานายเจอโรม เพาเวลล์ ประธานเฟดซึ่งมีกำหนดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม