องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) ระบุในรายงานที่เผยแพร่ในวันนี้ (27 ก.ค.) ว่า สถานการณ์สภาพอากาศแบบสุดขั้วตั้งแต่ภัยแล้งไปจนถึงอุทกภัยครั้งใหญ่และผลกระทบอื่น ๆ จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนั้น เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในทวีปเอเชีย โดยกรณีดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางอาหารและระบบนิเวศของทวีปดังกล่าว
ทั้งนี้ WMO ระบุว่า เอเชียเป็นทวีปที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติมากที่สุดในโลก โดยเกิดภัยพิบัติที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศ และน้ำถึง 81 ครั้งในปีที่แล้ว โดยส่วนใหญ่เป็นภัยจากน้ำท่วมและพายุ
WMO ระบุว่า ภัยพิบัติเหล่านี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประชาชนมากกว่า 50 ล้านคน และทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 5,000 ราย
ภัยพิบัติเหล่านี้ได้รวมถึงเหตุน้ำท่วมจากฝนตกหนักในช่วงมรสุมในปากีสถาน และธารน้ำแข็งละลายที่คร่าชีวิตประชาชนไปกว่า 1,500 ราย นอกจากนี้ยังสร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนและโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งของประเทศ
ส่วนจีนเผชิญกับภัยแล้งขั้นรุนแรง ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุปทานพลังงานและน้ำสะอาด
ในโอกาสนี้ WMO ได้เน้นย้ำว่า ธารน้ำแข็งส่วนใหญ่ในทวีปเอเชียเกิดการละลายครั้งใหญ่จากผลพวงของสภาพอากาศอบอุ่นและแห้งในปี 2565
"กรณีดังกล่าวจะส่งผลกระทบสำคัญต่ออนาคตความมั่นคงทางอาหารและน้ำ รวมถึงระบบนิเวศ" นายเพทเตอรี ทาลาส เลขาธิการ WMO ระบุ