บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิในช่วงเดือนเม.ย.-มิ.ย. ซึ่งเป็นไตรมาส 1 ของปีงบการเงิน 2566 พุ่งขึ้น 78% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.31 ล้านล้านเยน (9.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของเงินเยนและยอดขายที่แข็งแกร่ง
ทั้งนี้ ยอดขายของโตโยต้าทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 10.5 ล้านล้านเยน พุ่งขึ้น 24.2% ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานทะยานขึ้น 93.7% แตะระดับ 1.12 ล้านล้านเยน
ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของโตโยต้าเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่บริษัทกำลังเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตรถยนต์ทั่วโลก เพื่อชดเชยการสูญเสียโอกาสในด้านต่าง ๆ ในช่วงที่โรคโควิด-19 แพร่ระบาด
นอกจากนี้ การที่ปัญหาขาดแคลนชิปทั่วโลกเริ่มบรรเทาลง และการอ่อนค่าของเงินเยน ยังเป็นอีกปัจจัยหนุนผลประกอบการของโตโยต้า โดยข้อมูลจากธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ระบุว่า เงินเยนอ่อนค่าลงอย่างมากเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในช่วงเดือนเม.ย.-มิ.ย. เนื่องจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างญี่ปุ่นและสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น อันเป็นผลมาจากการที่ BOJ ยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินแบบพิเศษ ในขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุก
โตโยต้าได้คงตัวเลขคาดการณ์ผลประกอบการในปีงบการเงิน 2566 โดยคาดว่ากำไรสุทธิในปีดังกล่าวจะเพิ่มขึ้น 5.2% สู่ระดับ 2.58 ล้านล้านเยน และคาดว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้น 2.3% แตะที่ 38 ล้านล้านเยน