สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานโดยอ้างอิงข้อมูลจากนักวิเคราะห์ว่า การสั่งห้ามส่งออกข้าวของอินเดียเสี่ยงสั่นคลอนตลาดข้าวทั่วโลก และมีแนวโน้มส่งผลกระทบต่อปากท้องของประชาชนหลายล้านคน โดยผู้บริโภคในเอเชียและแอฟริกาจะเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด
อินเดียซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลก ได้สั่งห้ามส่งออกข้าวขาวที่ไม่ใช้พันธุ์บาสมาติ (Basmati) เมื่อวันที่ 20 ก.ค. เนื่องจากรัฐบาลอินเดียต้องการควบคุมราคาอาหารที่พุ่งสูงขึ้นภายในประเทศ และรับประกันว่าจะมีปริมาณข้าวราคาเหมาะสมเพียงพอภายในประเทศ โดยอินเดียคิดเป็นสัดส่วนกว่า 40% ของการค้าข้าวทั่วโลก
"มาเลเซียดูเหมือนจะเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงมากที่สุดจากการวิเคราะห์ของเรา" ธนาคารบาร์เคลย์ระบุในรายงาน ซึ่งเน้นย้ำว่ามาเลเซียพึ่งพาข้าวอินเดียในปริมาณมาก
"มาเลเซียนำเข้าข้าวในปริมาณมาก และอินเดียคิดเป็นสัดส่วนค่อนข้างใหญ่"
สิงคโปร์เป็นอีกประเทศที่จะได้รับผลกระทบจากการที่อินเดียห้ามส่งออกข้าว เนื่องจากข้าวอินเดียคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 30% ของการนำเข้าข้าวของสิงคโปร์
อย่างไรก็ตาม บาร์เคลย์เน้นย้ำว่า สิงคโปร์พึ่งพาการนำเข้าอาหารโดยรวม ไม่ใช่แค่ข้าวเท่านั้น โดยปัจจุบันสิงคโปร์กำลังพยายามขอสิทธิ์ยกเว้นจากคำสั่งห้ามส่งออกข้าวของอินเดีย
ปัจจุบันราคาข้าวเคลื่อนไหวที่ระดับสูงสุดในรอบหนึ่งทศวรรษ โดยปรากฏการณ์เอลนีโญเพิ่มความเสี่ยงต่อการผลิตในประเทศผู้ผลิตข้าวแห่งอื่น ๆ ในเอเชีย เช่น ไทย ปากีสถาน และเวียดนาม
เอเชียไม่ใช่ภูมิภาคเดียวที่จะได้รับผลกระทบจากการสั่งห้ามส่งออกข้าวของอินเดีย ประเทศต่าง ๆ จำนวนมากในแอฟริกาและตะวันออกกลางก็เผชิญความเสี่ยงเช่นเดียวกัน
BMI ซึ่งเป็นแผนกวิจัยของฟิทช์ โซลูชันส์ระบุว่า ตลาดที่ได้รับผลกระทบจากการสั่งห้ามส่งออกข้าวของอินเดียคือภูมิภาคแอฟริกาใต้ทะเลทราบซาฮาร่า รวมถึงตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ (MENA) โดยประเทศจิบูตี, ไลบีเรีย, กาตาร์, แกมเบีย และคูเวตมีความเสี่ยงมากที่สุด