ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี (3 ส.ค.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวนตลอดวัน โดยตลาดถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ และการที่ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันนี้
-- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งแตะระดับสูงสุดรอบ 9 เดือนเมื่อวานนี้ (3 ส.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขเศรษฐกิจ รวมทั้งถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ณ เวลา 23.39 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี อยู่ที่ระดับ 4.175% หลังจากแตะระดับ 4.189% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2565 ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี อยู่ที่ระดับ 4.296%
-- ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติ 6-3 ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.25% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 ในการประชุมนโยบายการเงินเมื่อวานนี้ (3 ส.ค.) สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ทั้งนี้ BoE ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 14 ติดต่อกัน และส่งสัญญาณว่า BoE จะตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงต่อไปอีกระยะหนึ่งเพื่อควบคุมให้เงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายของ BoE ที่ระดับ 2% หลังจากแตะระดับ 7.9% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในกลุ่มประเทศพัฒนา
-- บริษัทแอปเปิ้ล อิงค์ เปิดเผยกำไรและรายได้ที่สูงกว่าคาดในไตรมาส 3 ของปีงบการเงิน 2566 โดยได้แรงหนุนจากรายได้ด้านบริการที่พุ่งขึ้น 8% เมื่อเทียบเป็นรายปี
ทั้งนี้ แอปเปิ้ลมีกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3 อยู่ที่ 1.26 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ของรีฟินิทิฟ (Refinitiv) คาดการณ์ไว้ที่ 1.19 ดอลลาร์ ขณะที่รายได้อยู่ที่ 8.18 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งแม้ว่าลดลง 1% แต่ก็สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 8.169 หมื่นล้านดอลลาร์
-- บริษัทอะเมซอน ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของสหรัฐ เปิดเผยกำไรและรายได้สูงกว่าคาดในไตรมาส 2/2566 พร้อมกับเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาส 3 ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นอะเมซอนพุ่งขึ้นกว่า 10% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กช่วงเช้านี้
ทั้งนี้ กำไรต่อหุ้นในไตรมาส 2 อยู่ที่ 65 เซนต์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ของรีฟินิทิฟ (Refinitiv) คาดการณ์ไว้ที่ 35 เซนต์ และรายได้อยู่ที่ 1.344 แสนล้านดอลลาร์ และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.315 แสนล้านดอลลาร์
-- โมเดอร์นา อิงค์ เปิดเผยผลประกอบการที่ซบเซาในไตรมาส 2/2566 แต่คาดว่ายอดจำหน่ายวัคซีนโควิด-19 สูตรใหม่จะช่วยหนุนรายได้ในปีนี้
ทั้งนี้ โมเดอร์นาเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 2 ที่ระดับ 344 ล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าระดับ 4.75 พันล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยได้รับผลกระทบจากการดิ่งลง 94% ของยอดขายวัคซีนโควิด-19
อย่างไรก็ดี โมเดอร์นาคาดการณ์ว่ายอดจำหน่ายวัคซีนโควิด-19 ที่พุ่งขึ้นในปีนี้จะช่วยหนุนผลประกอบการทั้งปี 2566
-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 6,000 ราย สู่ระดับ 227,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 52.7 ในเดือนก.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 53.0 จากระดับ 53.9 ในเดือนมิ.ย.
อย่างไรก็ดี ดัชนียังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคบริการของสหรัฐยังคงมีการขยายตัว
ดัชนีได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงาน
เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 52.3 ในเดือนก.ค. จากระดับ 54.4 ในเดือนมิ.ย.
อย่างไรก็ดี ดัชนี PMI ยังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้การขยายตัวในภาคบริการของสหรัฐ
ดัชนี PMI ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของการจ้างงานและคำสั่งซื้อใหม่ ขณะที่ภาคธุรกิจลดความเชื่อมั่นในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ในตลาด
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐพุ่งขึ้น 2.3% ในเดือนมิ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 2.2% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนพ.ค.
คำสั่งซื้อภาคโรงงานได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อเครื่องบิน
-- นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันนี้ เวลา 19.30 น. ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานอาจเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 209,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. และคาดว่าอัตราว่างงานอาจทรงตัวที่ระดับ 3.6% ในเดือนก.ค.