ญี่ปุ่นกำลังแซงหน้าจีนขึ้นเป็นตลาดหุ้นที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเอเชียและสามารถดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติ เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างจีนกับสหรัฐส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะยาวของจีน
โกลด์แมน แซคส์ เปิดเผยว่า ข้อมูลในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 แสดงให้เห็นว่า นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2560 ที่นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นในตลาดหุ้นญี่ปุ่นมากกว่าตลาดหุ้นจีน ขณะที่นักกลยุทธ์ของมอร์แกน สแตนลีย์ ระบุว่า ในเดือนก.ค. กลุ่มผู้จัดการกองทุนต่างชาติยังคงขายหุ้นในตลาดหุ้นจีนและฮ่องกง แต่เพิ่มการถือครองหุ้นในตลาดหุ้นญี่ปุ่น
รายงานระบุว่า กองทุนต่างทั่วโลกแห่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยหลีกเลี่ยงตลาดหุ้นญี่ปุ่นเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตของรายได้ โดยขณะนี้นักลงทุนและกองทุนทั่วโลกต่างก็ให้ความสนใจลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น แม้ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ส่งสัญญาณปรับนโยบายการเงิน นอกจากนี้ นักลงทุนยังแสวงหาทางเลือกอื่นแทนหุ้นจีน เนื่องจากไม่เชื่อมั่นว่ามาตรการของรัฐบาลจีนจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างแข็งแกร่ง
แฟรงค์ เบนซิมรา หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์หุ้นเอเชียของธนาคารโซซิเอเต้ เจเนเรล กล่าว "เมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้เกิดเหตุการณ์สำคัญ 2 เหตุการณ์ในเอเชีย คือการประชุมนโยบายการเงินของ BOJ และการประชุมคณะกรรมการถาวรประจำกรมการเมืองแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน (โปลิตบูโร) แต่การประชุมทั้ง 2 วาระไม่ได้เปลี่ยนแปลงมุมมองของเรา โดยเรายังมองว่าตลาดหุ้นญี่ปุ่นทำผลงานได้ดีกว่าตลาดหุ้นจีน นอกจากนี้ เรายังมีมุมมองบวกว่า BOJ กำลังปรับนโยบายการเงินกลับสู่ปกติอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งหมายความว่าเงินเยนจะไม่แข็งค่าขึ้นอีกอย่างรวดเร็ว"