เว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์วีเอ็นเอ็กซ์เพรสรายงานว่า เวียดนามบังคับใช้ภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดและภาษีตอบโต้การอุดหนุนสินค้าจากอ้อยจากบริษัทของไทย โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 18 ส.ค. 2566 จนถึง 15 มิ.ย. 2569
กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของเวียดนามระบุว่า ภาษีดังกล่าวจะถูกบังคับใช้กับกลุ่มบริษัทมิตรผล ผู้ผลิตน้ำตาลและพลังงานชีวภาพรายใหญ่ที่สุดในเอเชีย พร้อมด้วยบริษัทในเครือ 4 แห่ง, กลุ่มบริษัทไทยรุ่งเรืองอุตสาหกรรม ผู้ผลิตน้ำตายรายใหญ่เป็นอันดับสองของไทยและบริษัทในเครืออีก 5 แห่ง รวมถึงบริษัทซีซาร์นิโคว กรุ๊ป ลิมิเต็ด
อัตราภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดต่ำที่สุดนั้นจะอยู่ที่ระดับ 25.73% และสูงสุดอยู่ที่ระดับ 32.75% ขณะที่อัตราภาษีตอบโต้การอุดหนุนที่ระดับสูงสุดนั้นอยู่ที่ 4.65%
เวียดนามได้เริ่มบังคับใช้ภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดและภาษีตอบโต้การอุดหนุนอ้อยที่นำเข้าจากไทยอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนมิ.ย. 2564 ซึ่งในขณะนั้นอัตราภาษีอยู่ที่ระดับ 47.64% กระทั่งในเดือนส.ค. 2565 กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าได้ตัดสินใจคงอัตราภาษีไว้เท่าเดิม
ทางการเวียดนามระบุว่า สินค้าจากอ้อยของไทยที่เข้าสู่ตลาดเวียดนาม ได้สร้างความเสียหายอย่างหนักต่อผลผลิตในท้องถิ่น ส่งผลให้ประชาชนตกงาน 3,300 คน และครอบครัวเกษตรกรได้รับผลกระทบ 93,225 ครัวเรือน