สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ระบุในวันนี้ (11 ส.ค.) ว่า อุปสงค์น้ำมันในปีหน้าจะเติบโตช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจมหภาคซบเซา การฟื้นตัวลดลงหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้น
ในรายงานตลาดน้ำมันประจำเดือนส.ค. นั้น IEA คาดการณ์ว่าการเติบโตของอุปสงค์น้ำมันจะอยู่ที่ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในปี 2567 ซึ่งลดลง 150,000 บาร์เรลต่อวันจากการประมาณการครั้งก่อน
IEA ระบุว่า "สภาวะเศรษฐกิจโลกที่ท้าทายนี้ เป็นผลมาจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นและสินเชื่อธนาคารที่เข้มงวดขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่เผชิญกับการผลิตและการค้าที่ซบเซาอยู่แล้วเป็นทุนเดิม"
ในปี 2566 อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น การเดินทางทางอากาศในช่วงฤดูร้อน การใช้น้ำมันมากขึ้นในการผลิตกระแสไฟฟ้า และกิจกรรมปิโตรเคมีที่เพิ่มขึ้นในจีน ซึ่งส่งผลให้การคาดการณ์สำหรับปี 2566 ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงเป็นส่วนใหญ่
อุปสงค์น้ำมันในปีนี้ คาดว่าจะอยู่ที่เฉลี่ย 102.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยจีนครองสัดส่วนการเติบโตมากกว่า 70% แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจก็ตาม
ทั้งนี้อุปสงค์น้ำมันแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 103 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือนมิ.ย. และทาง IEA คาดว่า อุปสงค์น้ำมันจะแตะระดับสูงสุดอีกครั้งในเดือนส.ค.