ธนาคารรายใหญ่ระดับโลกหลายแห่งพากันปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในปี 2566 ซึ่งเป็นการปรับลดคาดการณ์ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 หลังจากจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าผิดหวัง
จีนเปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค.ปรับตัวขึ้นเพียง 3.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนมิ.ย.ที่มีการขยายตัว 4.4% และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าอาจจะปรับตัวขึ้น 4.4% ขณะที่ยอดค้าปลีกเดือนก.ค.ขยับขึ้นเพียง 2.5% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนมิ.ย.ที่เพิ่มขึ้น 3.1% และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าอาจเพิ่มขึ้น 4.5%
ส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร (Fixed asset investment) ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2566 เพิ่มขึ้น 3.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าอาจปรับตัวขึ้น 3.8% และอัตราว่างงานเดือนก.ค.ดีดตัวขึ้นแตะระดับ 5.3% จากระดับ 5.2% ในเดือนมิ.ย.
ข้อมูลที่มีการเปิดเผยในวันอังคาร (15 ส.ค.) ส่งผลให้ธนาคารหลายแห่งปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจจีนลงอีก หลังจากที่ปรับลดไปแล้วในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา โดยล่าสุดทีมนักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกนได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนในปี 2566 ลงสู่ระดับ 4.8% และคาดว่า GDP ในปี 2567 จะขยายตัว 4.2%
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ในปี 2565 ที่ผ่านมานั้น ตัวเลข GDP ของจีนขยายตัวเพียง 3% ซึ่งเป็นการขยายตัวต่ำกว่า 5% ติดต่อกัน 3 ปีเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ยุคของอดีตประธานาธิบดีเหม๋า เจ๋อตุง ปกครองประเทศ
ทางด้านธนาคารบาร์เคลย์สได้ปรับลดคาดการณ์ GDP ของจีนในปี 2566 ลง 0.4% สู่ระดับ 4.5% และคงตัวเลขคาดการณ์ GDP ในปี 2567 ไว้ที่ระดับ 4%
ขณะที่ธนาคารมิซูโฮ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ของญี่ปุ่น ปรับลดคาดการณ์ GDP ของจีนในปี 2566 ลงสู่ระดับ 5% จากระดับ 5.5%