สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า กลุ่มผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียได้แสดงความกังวลว่า การที่ทางรัฐตัดสินใจไม่พิจารณายกเว้นการห้ามส่งออกก๊าซธรรมชาติจากแหล่งก๊าซบนบกนั้น อาจส่งผลกระทบต่อการลงทุนใหม่ ๆ ขณะที่รัฐพยายามควบคุมอุปทานในภูมิภาคและควบคุมราคา
การตัดสินใจดังกล่าว ซึ่งเป็นการทบทวนคำสั่งห้ามที่บังคับใช้เมื่อ 2563 ถือเป็นความท้าทายล่าสุดสำหรับผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติของรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย โดยผู้ผลิตบางรายอาจเผชิญกับการนัดหยุดงานประท้วงของแรงงานเพื่อเรียกร้องการขึ้นค่าแรงและสภาพการทำงานที่ดีขึ้น
"การตัดสินใจดังกล่าวขัดขวางไม่ให้ผู้ผลิตนำอุปทานใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดได้" นางแคโรไลน์ เชอร์รี่ จากสมาคมผู้ผลิตและสำรวจแหล่งน้ำมันปิโตรเลียมแห่งออสเตรเลีย (APPEA) กล่าว
นางเชอร์รี่ระบุในแถลงการณ์ว่า รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียจำเป็นต้องนำก๊าซเข้าสู่ตลาดมากขึ้นเ พื่อจ่ายพลังงานให้กับภาคทรัพยากรที่กำลังเติบโต และสนับสนุนระบบไฟฟ้าทางตะวันตกเฉียงใต้ เนื่องจากโรงไฟฟ้าถ่านหินกำลังจะยุติการผลิต
ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นหลังจากรัฐบาลของรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียกล่าวเมื่อวันอังคาร (15 ส.ค.) ว่า จะไม่พิจารณาการยกเว้นนโยบายปี 2563 ที่ห้ามการพัฒนาก๊าซบนบกบนเครือข่ายท่อส่งก๊าซที่มีอยู่ เพื่อส่งออกก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) รวมถึงเครือข่ายท่อส่งก๊าซในลุ่มน้ำเพิร์ท
อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจดังกล่าวคาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการตลาดการขนส่งหรือการส่งออกในทันที
ทางด้านนายซาอูล คาโวนิช นักวิเคราะห์ด้านพลังงานจากเครดิต สวิส กรุ๊ป (Credit Suisse Group) กล่าวว่า การตัดสินใจดังกล่าวส่งผลกระทบต่อบรรดาผู้ผลิตในลุ่มน้ำเพิร์ท เช่น สไตร์ก (Strike), มิเนอรัล รีซอร์สเซส (Mineral Resources) และ ฮันคุก (Hancock) เนื่องจากพวกเขาจะไม่สามารถส่งออกผลผลิตได้