ราคาอาหารหลักในอินเดียพุ่งสูงขึ้นเป็นวงกว้าง เนื่องจากฝนตกไม่สม่ำเสมอและฝนตกไม่เพียงพอ ส่งผลให้รัฐบาลเร่งดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อเพิ่มอุปทานอาหาร และบรรเทาแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ
ในเดือนก.ค. อัตราเงินเฟ้อจากราคาสินค้าปลีกอยู่ที่ระดับ 7.44% ซึ่งสูงที่สุดในรอบ 15 เดือน ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อจากราคาอาหารพุ่งขึ้นสู่ระดับ 11.5% ซึ่งสูงที่สุดในรอบกว่า 3 ปี
ปัญหาดังกล่าวได้กดดันให้รัฐบาลของนายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพื่อหลีกเลี่ยงกระแสความไม่พอใจจากประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ก่อที่การเลือกตั้งระดับรัฐและระดับประเทศที่กำลังจะมาถึง
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวจากรัฐบาลอินเดียว่า รัฐบาลกำลังพิจาณาขยายโครงการอาหารฟรี ซึ่งมีกำหนดสิ้นสุดในเดือนธ.ค. นี้ เพื่อบรรเทาภาระแก่ผู้บริโภคที่มีรายได้ต่ำ
อย่างไรก็ดี คาดว่าโครงการอุดหนุนด้านอาหารจะทำให้รัฐบาลอินเดียต้องเสียค่าใช้จ่าย 1.97 ล้านล้านรูปี (2.383 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปีงบประมาณ 2566 - 2567 และการขยายโครงการอาหารฟรี อาจทำให้รัฐบาลต้องใช้จ่ายในส่วนนี้เพิ่มมากขึ้นอีก
รัฐบาลอินเดียได้ดำเนินการขายผักราคาถูก โดยเฉพาะหัวหอมและมะเขือเทศซึ่งได้รับการอุดหนุนด้านการเงิน ด้วยการขายผ่านเครือข่ายการจัดจำหน่ายเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงได้ และยังได้นำข้าวสาลีและน้ำตาลจากคลังสำรองออกสู่ตลาด เพื่อช่วยลดราคา ซึ่งมาตรการนี้อาจทำให้รัฐบาลต้องเสียค่าใช้จ่ายสะสมมากกว่า 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้แล้ว รัฐบาลอินเดียยังได้ระงับการส่งออกน้ำตาลเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี หลังจากที่ระงับการส่งออกข้าวบางชนิดเมื่อเดือนที่แล้ว