สำนักข่าวแชนเนลนิวส์เอเชีย (Channel News Asia) ของสิงคโปร์รายงานว่า ภาคอสังหาริมทรัพย์ของไทยมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวในปีนี้ หลังทรุดตัวลงในช่วงที่โรคโควิด-19 ระบาด โดยภาคอสังหาริมทรัพย์ของไทยถือเป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่แน่นอนภายในไทยทำให้เกิดข้อกังขาว่า ภาคอสังหาริมทรัพย์ของประเทศจะฟื้นตัวตามที่มีการคาดการณ์กันจริงหรือไม่
รายงานระบุว่า กว่า 3 เดือนแล้วหลังจากที่ไทยจัดการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 14 พ.ค. แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการกำหนดคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ขณะเดียวกัน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ก็ยังไม่ได้เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ
กลุ่มผู้สังเกตการณ์ระบุว่า คอนโดมิเนียมที่ขายไม่ออกจำนวนมากและการชะลอการเปิดตัวอสังหาริมทรัพย์ใหม่ในกรุงเทพฯถือเป็นหลักฐานของสถานการณ์การเมืองที่ไม่แน่นอนของไทยและผลกระทบที่มีต่อเศรษฐกิจของประเทศ
รายงานระบุว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย โดยคิดเป็นสัดส่วประมาณ 10% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและการติดต่อสื่อสารของบริษัทคอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า "ขณะนี้เป็นช่วงเวลาของการรอดูสถานการณ์ไปก่อน"
"นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่ชะลอการตัดสินใจ นี่ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะเปิดตัวโครงการใหม่ ๆ ในช่วงที่เกิดสุญญากาศทางการเมือง เนื่องจากมีแนวโน้มที่ยอดขายจะไม่เป็นไปตามเป้าหมาย" นายภัทรชัยกล่าว
ขณะเดียวกัน นายภัทรชัยระบุว่า บริษัทจดทะเบียนและนักพัฒนาในไทยเคยวางแผนที่จะเปิดตัวโครงการใหม่ ๆ มากมายในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ แต่สถานการณ์การเมืองทำให้บริษัทเหล่านี้ต้องปรับเปลี่ยนเป้าหมาย
"เราเคยคาดการณ์ไว้ว่าจะมีการเปิดตัวคอนโดใหม่ในกรุงเทพฯ ที่เกือบ 45,000 ห้อง แต่หลังผ่านช่วงครึ่งแรกของปี มีการเปิดตัวคอนโดมิเนียมเพียง 12,000 ห้อง เนื่องจากสถานการณ์การเมืองที่ไม่แน่นอน"
รายงานระบุว่า หากภาคอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวต่อเนื่องจะทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวจากโรคระบาดล่าช้ายิ่งขึ้น