โฆษกของบริษัทวอร์เนอร์ บราเธอร์ส สตูดิโอภาพยนตร์รายใหญ่เปิดเผยว่า วอร์เนอร์ บราเธอร์สจะเลื่อนการฉายภาคต่อของภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่อง "Dune" จากเดิมที่มีกำหนดออกฉายในเดือนพ.ย.ปีนี้ ไปเป็นเดือนมี.ค.ปีหน้า เนื่องจากนักแสดงในภาพยนตร์ดังกล่าวไม่สามารถทำการโปรโมตภาพยนตร์ได้ในระหว่างที่มีการหยุดงานประท้วงของเหล่าดาราฮอลลีวูด
การตัดสินใจเลื่อนฉายได้สร้างความเสียหายให้แก่เครือข่ายโรงภาพยนตร์ เช่น เอเอ็มซี เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ (AMC Entertainment) ซีนีเพล็กซ์ (Cineplex) และ ซีนีมาร์ค (Cinemark) ซึ่งเครือข่ายโรงภาพยนตร์เหล่านี้กำลังพยายามฟื้นฟูกิจการจากผลกระทบของโควิด-19 โดย Dune เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่แฟน ๆ ตั้งตารอคอยมากที่สุดในช่วงปลายปี 2566
ทั้งนี้ "Dune: Part Two" จะเริ่มฉายในวันที่ 15 มี.ค. 2567 ซึ่งเป็นวันที่วอร์เนอร์ บราเธอร์ส เดิมกำหนดไว้สำหรับการฉายภาพยนตร์เรื่อง "Godzilla x Kong: The New Empire" ด้วยเหตุดังกล่าวจึงทำให้ภาพยนตร์สัตว์ประหลาดเรื่องนี้ต้องถูกเลื่อนการฉายออกไปเป็นวันที่ 12 เม.ย. 2567 แทน
นอกจากนี้ วอร์เนอร์ บราเธอร์ส ยังได้เลื่อนฉายภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่อง "Lord of the Rings" จากเดิมที่มีกำหนดฉายในเดือนเม.ย. 2567 ออกไปเป็นเดือนธ.ค. 2567
"Dune: Part Two" นำแสดงโดยเซนดายา และ ทิโมธี ชาลาเมต์ เป็นภาพยนตร์ไซ-ไฟที่สร้างขึ้นจากนวนิยายของแฟรงค์ เฮอร์เบิร์ตซึ่งเขียนขึ้นในปี 2538 โดยภาพยนตร์บอกเล่าถึงเรื่องราวการต่อสู้ในอวกาศเพื่อแย่งชิงทรัพยากรล้ำค่า โดยในภาคแรกที่ออกฉายเมื่อปี 2564 ในช่วงที่โควิด-19 ระบาดนั้น กวาดรายได้รวม 402 ล้านดอลลาร์ในบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลก
ทั้งนี้ การหยุดงานประท้วงของเหล่านักแสดงฮอลลีวูดทำให้สตูดิโอภาพยนตร์ต่าง ๆ ต้องปรับผังภาพยนตร์ใหม่ เนื่องจากไม่มีดารานักแสดงออกมาร่วมเดินพรมแดงหรือออกรายการทอล์กโชว์เพื่อช่วยสร้างกระแสให้กับภาพยนตร์