รัฐบาลจีนประกาศลดภาษีอากรสแตมป์ (stamp duty) สำหรับการซื้อขายหุ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2551 โดยมีเป้าหมายที่จะดึงดูดนักลงทุนเข้าสู่ตลาดหุ้นจีนซึ่งกำลังอ่อนตัวลงอย่างมากในขณะนี้
กระทรวงการคลังจีนแถลงว่า ภาษีอากรสแตมป์สำหรับการซื้อขายหุ้นจะถูกปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 0.05% จากเดิมที่ระดับ 0.1% โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 28 ส.ค.เป็นต้นไป โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของตลาดทุนและฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุน
ทางด้านคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของจีน (CSRC) ระบุว่า นอกเหนือจากการปรับลดภาษีการซื้อขายหุ้นแล้ว จีนจะชะลอการอนุญาตให้บริษัทเอกชนเสนอขายหุ้นต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก (IPO) หลังจากพิจารณาถึงภาวะตลาดในช่วงที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน CSRC จะคุมเข้มในเรื่องความถี่และขนาดการรีไฟแนนซ์ของบริษัทเอกชนที่มีการเปิดเผยตัวเลขขาดทุนและมีราคาหุ้นที่ต่ำกว่าราคา IPO
นอกจากนี้ CSRC ได้ปรับลดค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมหุ้น เพื่อกระตุ้นให้บรรดาผู้จัดการกองทุนรวมและบริษัทจดทะเบียนสามารถซื้อหุ้นคืนได้มากขึ้น
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลจีนพยายามกอบกู้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีน หลังจากนักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นในตลาดหุ้นจีนติดต่อกันยาวนานถึง 13 วันนับจนถึงวันพุธที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา