บริษัทเทสลา ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของสหรัฐ ได้รับคำสั่งพิเศษจากสำนักงานความปลอดภัยการจราจรบนทางหลวงแห่งชาติของสหรัฐ (NHTSA) ให้แจ้งข้อมูลที่ครอบคลุมเกี่ยวกับระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่และตรวจจับพฤติกรรมของผู้ขับขี่ (driver assistance and driver monitoring systems) และการตั้งค่าโหมดอีลอน (Elon Mode) ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นความลับ
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า NHTSA ได้สอบถามผู้ใช้งานซอฟต์แวร์ระบบขับขี่อัตโนมัติ (Autopilot) ของเทสลาว่า ระบบดังกล่าวดูแลเอาใจใส่อย่างเพียงพอในขณะขับรถหรือไม่ หลังจากที่เทสลาปรับเปลี่ยนวิธีการตรวจจับพฤติกรรมของผู้ขับขี่ โดยข้อมูลนี้ถูกเปิดเผยผ่านเอกสารที่เผยแพร่เมื่อวันวันอังคาร (29 ส.ค.)
ในคำสั่งพิเศษดังกล่าวระบุว่า NHTSA แสดงความกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของเทสลาที่อนุญาตให้ผู้ขับขี่ใช้ระบบขับขี่อัตโนมัติเป็นระยะเวลานาน โดยไม่แจ้งให้ผู้ขับออกแรงใช้พวงมาลัย ด้วยเหตุนี้ NHTSA จึงสั่งให้เทสลาตอบคำถามและจัดทำเอกสาร
NHTSA ระบุในเอกสารที่ส่งถึงเทสลา ว่า "การผ่อนคลายการควบคุมระบบขับขี่นั้น อาจทำให้คนขับมีความประมาท และไม่ได้ควบคุมระบบอัตโนมัติอย่างเหมาะสม"
ทั้งนี้ NHTSA เริ่มตรวจสอบปัญหาระบบขับขี่อัตโนมัติของเทสลาในเดือนส.ค. 2564 หลังจากที่เกิดอุบัติเหตุกว่า 10 กรณีที่รถเทสลาชนเข้ากับรถดับเพลิงหรือรถฉุกเฉินอื่น ๆ จากนั้นในเดือนต่อมา เทสลาพยายามแก้ปัญหาดังกล่าวโดยการอัปเดตซอฟต์แวร์รถแบบ OTA เพื่อให้รถตรวจจับรถฉุกเฉินได้ดีขึ้น
อย่างไรก็ดี หัวหน้าที่ปรึกษาและหัวหน้าแผนกข้อบกพร่องในยานพาหนะของ NHTSA ได้ขอคำอธิบายและเหตุผลทางเทคนิคและทางกฎหมายจากเทสลาที่ทำการอัปเดตซอฟต์แวร์ดังกล่าวโดยไม่ได้ออกประกาศเรียกคืนรถ
กระทั่งในช่วงกลางเดือนก.พ.ปีนี้ เทสลาประกาศเรียกคืนรถยนต์จำนวนมากถึง 362,000 คันในสหรัฐ เนื่องจากพบว่าซอฟต์แวร์ "Full Self-Driving Beta" หรือ FSD Beta อาจทำให้รถละเมิดกฎจราจรก่อนที่คนขับจะเข้าควบคุมรถได้ทัน พร้อมระบุว่าฟีเจอร์ดังกล่าวไม่ได้ทำให้รถขับเองโดยอัตโนมัติ และผู้ขับขี่มีหน้าที่ที่จะต้องควบคุมรถอยู่ตลอดเวลา