ยอดขายของเลโก้ (Lego) บริษัทผู้ผลิตของเล่นรายใหญ่ของเดนมาร์ก เพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่บริษัทผลิตของเล่นรายอื่น ๆ เผชิญกับความยากลำบาก ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง
เลโก้มีรายได้เพิ่มขึ้น 1% ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ แตะที่ระดับ 2.74 หมื่นล้านโครนเดนมาร์ก หรือประมาณ 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ส่วนกำไรสุทธิในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 5.1 พันล้านโครน หรือประมาณ 742 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 17% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า
ในขณะเดียวกัน บรรดาคู่แข่งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เช่น แมทเทล (Mattel), ฮาสโบร (Hasbro), ฟังโก้ (Funko) และแจ็คส์ แปซิฟิก (Jakks Pacific) ต่างรายงานรายได้และยอดขายลดลงสู่ระดับเลขสองหลักในปีนี้
"ผมคิดว่าสิ่งที่ทำให้ผมพึงพอใจเป็นอย่างมากก็คือความจริงที่ว่าเรายังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วกว่าในอุตสาหกรรมนี้" นายนีลส์ คริสเตียนเซน ซีอีโอของเลโก้กล่าวกับสำนักข่าวซีเอ็นบีซี
"สิ่งที่ดีสำหรับเราก็คือ ทุก ๆ ปี ในช่วง 4 ปี หรือ 5 ปีที่ผ่านมานั้น เราจะเติบโตเร็วกว่าตลาดถึง 10 เปอร์เซ็นต์ นั่นหมายความว่าเราได้รับส่วนแบ่งการตลาดอย่างต่อเนื่อง และยังคงดำเนินต่อไป นั่นคือสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง" นายคริสเตียนเซนกล่าว
รายงานระบุว่า บริษัทของเล่นต่าง ๆ ทั่วทั้งอุตสาหกรรมต่างได้รับผลกำไรมหาศาลในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เนื่องจากบรรดาพ่อแม่ผู้ปกครองซื้อของเล่นเพื่อให้ลูกหลานของพวกเขามีของเล่นติดมือในยามว่างในช่วงล็อกดาวน์ ด้านผู้ใหญ่เองก็กลับมาเล่นของเล่นเช่นเดียวกัน เพื่อขจัดความเบื่อหน่าย
เลโก้มียอดขายเติบโตอย่างมากในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยได้รับแรงหนุนจากผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ซึ่งเหมาะทั้งสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ โดยมีผลประกอบการที่เหนือกว่าบริษัทอื่น ๆ ในอุตสาหกรรม และยิ่งเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด
อย่างไรก็ตาม เลโก้ไม่สามารถหนีพ้นแรงกดดันทางเศรษฐกิจมหภาคได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากต้นทุนวัสดุ การขนส่ง และราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น