หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์สรายงานข้อมูลการวิเคราะห์เชิงอุตสาหกรรมจากโกลบอล วิทเนส (Global Witness) ซึ่งเป็นองค์กร NGO ระดับโลกด้านทรัพยากรธรรมชาติ ระบุว่า สหภาพยุโรป (EU) วางแผนนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากรัสเซียมากเป็นประวัติการณ์ แม้ตั้งเป้าไว้ว่าจะลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิลจากรัสเซียภายในปี 2570
ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ เบลเยียมและสเปนเป็นผู้ซื้อก๊าซ LNG รายใหญ่อันดับ 2 และ 3 ของรัสเซีย โดยเป็นรองจากจีน ซึ่งรั้งอันดับ 1
โดยรวมแล้ว การนำเข้าก๊าซ LNG ของ EU เพิ่มขึ้น 40% ในช่วงเดือนม.ค. - ก.ค. ของปีนี้ ซึ่งมากกว่าช่วงเดียวกันของปี 2564 โดยเป็นช่วงก่อนหน้าที่รัสเซียจะเข้ารุกรานยูเครนอย่างเต็มรูปแบบ
การนำเข้าที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวเป็นผลมาจากฐานเปรียบเทียบในระดับต่ำ เนื่องจาก EU ไม่ได้นำเข้าก๊าซ LNG เป็นจำนวนมากในช่วงก่อนเกิดสงครามยูเครน เนื่องจากพึ่งพาก๊าซธรรมชาติทางท่อจากรัสเซีย แต่การเพิ่มขึ้นดังกล่าวสูงกว่าค่าเฉลี่ยในการนำเข้าก๊าซ LNG จากรัสเซียของทั่วโลก ซึ่งอยู่ที่ระดับ 6% ในช่วงเวลาเดียวกัน
โกลบอล วิทเนส วิเคราะห์ข้อมูลโดยอ้างอิงข้อมูลจากบริษัทเคปเลอร์ (Kpler) ซึ่งแสดงให้เห็นว่า EU นำเข้าก๊าซ LNG จากรัสเซียเพิ่มขึ้นประมาณ 1.7% เทียบกับการนำเข้าที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีที่แล้ว โดยมูลค่าการนำเข้าก๊าซ LNG ตั้งแต่เดือน ม.ค. - ก.ค. ในตลาดสปอต อยู่ที่ระดับ 5.29 พันล้านยูโร
"เป็นเรื่องที่น่าตกใจที่บรรดาประเทศใน EU พยายามอย่างหนักเพื่อยุติการพึ่งพาก๊าซรัสเซียที่ส่งผ่านทางท่อ แต่กลับเปลี่ยนมานำเข้าก๊าซผ่านการขนส่งแทน" นายโจนาธาน โนรอนฮา-แกนต์ นักรณรงค์อาวุโสด้านเชื้อเพลิงฟอสซิลของโกลบอล วิทเนส กล่าว
"ไม่สำคัญเลยว่าจะส่งมาทางท่อหรือมาทางเรือ แต่กรณีดังกล่าวหมายความว่าประเทศต่าง ๆ ในยุโรปกำลังส่งเงินหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐไปสู่คลังอาวุธของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย" นายโนรอนฮา-แกนต์ กล่าว