สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า อินเดียวางแผนจะลดการพึ่งพาน้ำมันดิบราคาถูกของรัสเซีย เนื่องจากบรรดาประเทศส่งออกน้ำมันในตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นคู่ค้าเดิมของอินเดีย กลับมาให้ข้อเสนอที่น่าดึงดูดใจมากกว่า
นายฮาร์ดีป ปูรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงน้ำมันอินเดีย กล่าวว่า เราจะลดการพึ่งพาน้ำมันดิบจากรัสเซียลงอย่างมาก เนื่องจากในขณะนี้ น้ำมันจากกลุ่มประเทศตะวันออกกลางมีราคาที่น่าสนใจมากกว่า
รายงานระบุว่า อินเดียบริโภคน้ำมันดิบจากรัสเซียเพิ่มมากขึ้นนับตั้งแต่รัสเซียรุกรานยูเครนเมื่อเดือนก.พ 2565 ซึ่งมากกว่าการพึ่งพาน้ำมันจากซาอุดีอาระเบียและอิรัก ที่เคยเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ให้อินเดีย โดยในเดือนพ.ค. เกือบครึ่งของน้ำมันในอินเดียนั้นนำเข้ามาจากรัสเซีย จากเดิมที่เคยนำเข้าในปริมาณเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อความได้เปรียบด้านราคาของน้ำมันดิบรัสเซีย และส่งผลให้น้ำมันจากประเทศอื่นที่มีการทำสัญญาในระยะยาวอยู่ก่อนแล้วเป็นที่สนใจมากกว่า อีกทั้ง รัสเซียเองก็ประกาศวางแผนควบคุมการส่งออกน้ำมันด้วยเช่นกัน
ข้อมูลจากเคปเลอร์ (Kpler) บริษัทด้านวิเคราะห์ข้อมูลตลาดโภคภัณฑ์ แสดงให้เห็นว่า ในเดือนส.ค. อินเดียนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 แตะระดับ 1.57 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งลดลง 24% เมื่อเทียบรายเดือน และแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 66 แม้ว่ารัสเซียจะยังคงเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่เป็นอันดับต้นของอินเดียก็ตาม
ข้อมูลระบุอีกว่า เมื่อเดือนที่แล้ว บรรดาโรงกลั่นน้ำมันลดการใช้น้ำมันจากอิรักลง 10% สู่ระดับ 848,000 บาร์ต่อวัน ในขณะที่การใช้น้ำมันจากซาอุดีอาระเบียเพิ่มขึ้น 63% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน สู่ระดับ 852,000 บาร์เรลต่อวัน
"ผมอยากพูดให้ชัดเจนว่า ตอนนี้เรากำลังอยู่ในตลาด ดังนั้น เราจะซื้อจากใครก็ได้" นายปูรี กล่าว