รัฐบาลฟิลิปปินส์กำลังพิจารณาที่จะลดภาษีนำเข้าข้าว เพื่อช่วยสกัดเงินเฟ้อที่ปรับตัวขึ้น เพียงไม่กี่วันหลังประกาศกำหนดเพดานราคาข้าว
ทั้งนี้ นายอาร์เซนิโอ บาลิซาคาน อดีตอธิบดีสำนักงานเศรษฐกิจและการพัฒนาแห่งชาติฟิลิปปินส์ ระบุในวันนี้ (5 ก.ย.) ว่า รัฐบาลฟิลิปปินส์อาจทบทวนเรื่องภาษีนำเข้าข้าว เนื่องจากราคาข้าวที่แพงขึ้นส่งผลกระทบต่อครอบครัวที่มีฐานะยากจน
สำนักข่าวนิกเกอิเอเชียรายงานว่า ราคาข้าวผันผวนตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งเกิดจากปัญหาสภาพอากาศสุดขั้ว โดยอินเดีย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลก ได้จำกัดการส่งออกข้าวขาวที่ไม่ใช่พันธุ์บาสมาติ (Basmati) ส่วนการนำเข้าข้าวจากเวียดนาม ซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก เพิ่มสูงขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับอุปสงค์ทั่วภูมิภาค
ความคิดเห็นของนายบาลิซาคานมีขึ้นหลังฟิลิปปินส์เปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) แตะ 5.3% ในเดือนส.ค. ซึ่งอยู่เหนือเป้าหมายของรัฐบาลฟิลิปปินส์ที่กรอบ 2% - 4% และปรับขึ้นเป็นครั้งแรก หลังจากลดลงติดต่อกัน 6 เดือน
รายงานระบุว่า เงินเฟ้อที่เป็นผลมาจากราคาข้าวพุ่งแตะ 8.7% ในเดือนส.ค. จากระดับ 4.2% ในเดือนก.ค. เนื่องจากต้นทุนค้าปลีกเพิ่มสูงขึ้นและมีรายงานการกักตุนข้าว โดยข้าวคิดเป็นประมาณ 9% ของดัชนี CPI ของฟิลิปปินส์
สำนักงานสื่อสารของประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ แห่งฟิลิปปินส์ระบุในวันที่ 1 ก.ย.ว่า ปธน.มาร์กอสอนุมัติข้อเสนอกำหนดเพดานราคาข้าวทั่วประเทศผ่านคำสั่งบริหาร (EO) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากราคาข้าวค้าปลีกในประเทศพุ่งทะยานขึ้นจนน่าเป็นห่วง
ทั้งนี้ คำสั่งดังกล่าวมีผลบังคับใช้ในทันที โดยจะจำกัดเพดานราคาข้าวขาวทั่วไปที่ 41 เปโซต่อกิโลกรัม ส่วนข้าวสีดี (well-milled) อยู่ที่ 45 เปโซต่อกิโลกรัม