รัฐบาลสหรัฐได้เริ่มดำเนินการตรวจสอบชิปที่ผลิตในจีนและถูกใช้ในสมาร์ตโฟนรุ่นล่าสุดของบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ส์ โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่สหรัฐกำลังอภิปรายกันเกี่ยวกับประสิทธิภาพของมาตรการคว่ำบาตรที่มีเป้าหมายเพื่อควบคุมคู่แข่งด้านภูมิรัฐศาสตร์
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐซึ่งได้ออกมาตรการเข้มงวดเพื่อต่อต้านหัวเว่ยและอุตสาหกรรมชิปของจีนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานั้นระบุว่า ทางกระทรวงกำลังรอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับชิปประมวลผลขนาด 7 นาโนเมตรที่มีรายงานว่าถูกใช้ในสมาร์ตโฟน "Mate 60 Pro" ซึ่งเป็นสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ของบริษัทหัวเว่ย โดยชิปดังกล่าวผลิตโดยบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ เมนูแฟกเจอร์ริง อินเตอร์เนชันแนล คอร์ป (SMIC) ของจีน ซึ่งถูกสหรัฐขึ้นบัญชีดำและถูกห้ามการเข้าถึงเทคโนโลยีของสหรัฐเช่นเดียวกับหัวเว่ย
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า หัวเว่ยเปิดตัวสมาร์ตโฟนรุ่น Mate 60 Pro อย่างเงียบ ๆ เมื่อไม่นานมานี้ และได้วางขายทางออนไลน์ในช่วงเวลาเดียวกับที่นางจีนา ไรมอนโด รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐเดินทางเยือนจีนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนล่าสุดของสหรัฐที่เดินทางเยือนจีนเพื่อสานความสัมพันธ์ทางการทูต
สำหรับการอภิปรายในหมู่เจ้าหน้าที่ของสหรัฐซึ่งนำโดยนางไรมอนโดในครั้งนี้ มุ่งเน้นไปที่การตั้งคำถามว่าสหรัฐประสบกับความล้มเหลวหรือไม่ในการสกัดความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของจีน ซึ่งเป็นสิ่งที่สหรัฐกังวลว่าจีนจะนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้ในการสร้างกองทัพที่ทันสมัย นอกจากนี้ การอภิปรายยังมีการตั้งคำถามว่ากลไกหลักที่สหรัฐใช้ในการควบคุมการส่งออกวัสดุ เครื่องมือ และความรู้เชิงปฏิบัติการ (knowhow) นั้น มีประสิทธิภาพมากเพียงพอหรือไม่
"เรากำลังรอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับลักษณะและการใช้งานของชิปขนาด 7 นาโนเมตร และเราขอชี้แจงว่า การควบคุมการส่งออกเป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งในบรรดาเครื่องมือทั้งหมดที่รัฐบาลสหรัฐจะนำมาใช้เพื่อแก้ปัญหาภัยคุกคามความมั่นคงของชาติที่เกิดจากการกระทำของจีน มาตรการควบคุมที่เราบังคับใช้ในปี 2562 นั้น สามารถควบคุมหัวเว่ยได้และบีบให้บริษัทนี้ต้องหันไปพึ่งพาการลงทุนของตนเอง ซึ่งส่งผลกระทบไปถึงรัฐบาลจีนด้วย" โฆษกกระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุ
เมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา ราคาหุ้นบริษัทชิปของจีนพุ่งขึ้นยกแผง หลังมีรายงานว่าหัวเว่ยเปิดตัวสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ที่ชื่อ Mate 60 Pro โดยนักลงทุนคาดการณ์ว่า สมาร์ตโฟนรุ่นนี้จะใช้ชิปที่สามารถรองรับระบบ 5G ซึ่งหากเป็นไปตามที่คาดการณ์ ก็จะถือเป็นชัยชนะของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของจีน
อย่างไรก็ดี ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของหัวเว่ยถูกจับตาจากสหรัฐอย่างใกล้ชิด โดยเมื่อวันที่ 23 ส.ค. สมาคมอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductor Industry Association - SIA) ซึ่งเป็นสมาคมที่ประกอบด้วยบริษัทผลิตชิปชั้นนำระดับโลกและตั้งอยู่ในรัฐวอชิงตันได้ออกรายงานเตือนว่า บริษัทหัวเว่ยกำลังสร้างโรงงานผลิตแผงเซมิคอนดักเตอร์ (semiconductor-fabrication) แบบลับ ๆ ทั่วประเทศจีน โดยตั้งขึ้นในลักษณะเครือข่ายการผลิตอำพราง (shadow manufacturing network) และมีเป้าหมายที่จะช่วยให้บริษัทที่ถูกขึ้นบัญชีดำสามารถรอดพ้นจากการคว่ำบาตรของสหรัฐ และยังคงตอบสนองความทะเยอทะยานด้านเทคโนโลยีของรัฐบาลจีนได้ต่อไป